เบี้ยหงาย
เดิมทีทัพนักกีฬาไทยเรานั้น ก็ดูจะไม่ได้ตั้งความหวังกับการเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ในดินแดนกัมพูชาไว้ แต่อย่างไรแทบทุกครั้งที่ปรากฏข่าว ไม่ว่าจะจากองค์กรกีฬาหรือผู้หลักผู้ใหญ่ รวมทั้งการประเมินต่างๆก็ออกจะ ยอมรับถึงโอกาสที่น้อยมาก ด้วยรับรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าภาพมีการบรรจุกีฬาพื้นบ้านและอีเวนต์ที่ไม่เป็นสากลอยู่มากมายหลายเหรียญ
จึงโฟกัสไปที่กีฬาสากล หรือกีฬาที่มีแข่งในระดับโอลิมปิกเป็นหลัก เป็นจุดวัดผลเปรียบเทียบกับ เพื่อนบ้านในอาเซียน
แต่กลับกลายว่า ไทยแลนด์ ได้ขึ้นนำเหรียญในตาราง ในช่วงกำลังเข้าครึ่งทาง แม้ว่าจะยังไม่แน่ ที่การขึ้นเป็นผู้นำนั้น จะยั่งยืน หรือสลับสับเปลี่ยนกับ ชาติอื่นๆในอีกหลายระลอกก็ตาม
เมื่อเรามีจังหวะขึ้นนำปรากฏขึ้นก็ดูจะมีท่าที ที่เปลี่ยนไปบ้าง ถึงตอนนี้หลายคนมองถึงการเป็น เจ้าซีเกมส์ขึ้นมาแล้ว!
สถานการณ์เปลี่ยน และเปลี่ยนในทิศทางที่ดีขึ้น แฟนๆกีฬา และกองเชียร์ไทยแลนด์ทั้งหลาย จากนี้ไปได้ดูซีเกมส์กันสนุกมากขึ้นอีกแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ มองแต่ความสำเร็จ ในส่วนที่พลาดก็ต้องใช้โอกาสนี้ นำมาซึ่ง การแก้ไข เตรียมตัวที่ดีกว่าในเกมต่อๆไป
ที่ผิดคาด หรือพลาดหวังมากที่สุดกับช่วงเข้าครึ่งทางนี้ ต้องยกให้กับการเกิดอาการบาดเจ็บ ของความหวังระดับสูงสุดที่คนไทยเฝ้าติดตามอย่าง “เทพบิว” ภูริพล บุญสอน ยอดนักวิ่งความหวังของเรา วัย 17 ปี แชมป์เก่าซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ซึ่งเกิดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาซ้ายกระตุก ก่อนล้มลงไปขณะแข่ง และไม่สามารถจบการแข่งขันได้ ทำให้พลาดโอกาสการป้องกันแชมป์วิ่ง 200 เมตรชาย
และส่งผลให้ “บิว” ต้องถอนตัวจากทุกรายการที่ลงแข่ง ซึ่งสมาคมกรีฑาฯ ก็ได้แถลงถึงอาการว่าไม่หนัก และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ ซึ่งที่ถอนตัวก็เพื่อพักฟื้นร่างกาย ให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ แพทย์ประเมินอาการเบื้องต้นให้พักอย่างน้อย 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ
แน่นอน การพลาด หรือผิดคาด ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เป็นความผิดพลาดของนักกีฬา และเป็นเรื่อง นอกเหนือการควบคุม เป็นการบาดเจ็บที่ไม่มีใคร อยากให้เกิดขึ้น
ตั้งแต่ “บิว” แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวเมื่อปีที่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนก็ว่าได้เป็นห่วง และตั้งประเด็นไว้ก็คือ เรื่องของการบาดเจ็บ ยิ่งนักวิ่งกับการเจ็บกล้ามเนื้อนั้น เป็นของคู่กัน หลายคนแสดงความเห็นให้ระมัดระวัง และวางแผนการส่งแข่งขันให้ดี ยิ่งอายุน้อยยิ่งต้อง มีแผนในการสนับสนุนให้ดี
เชื่อว่าสมาคมกรีฑาฯ และทีมงานผู้เกี่ยวข้อง ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ยังดีที่มาเจ็บตอนนี้ เจ็บไม่มาก และว่าไปแล้วในระดับซีเกมส์ก็ยังไม่ได้ถือเป็นรายการใหญ่ มากนัก นี่จึงเป็นประสบการณ์อีกด้านในภาวะวิกฤติ ที่ต้องเรียนรู้และเตรียมการ
คงต้องทำงานให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อ ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและยาวนานขึ้น
หวังว่าความผิดหวังครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์เพื่อวันข้างหน้ากับเกมที่ใหญ่กว่า...
“เบี้ยหงาย”