ไทยรัฐออนไลน์
"ปริเขต สืบสหการ" ผู้อำนวยการทัวร์นาเมนต์เจ็ตสกีโลก เผยแผนงานใหญ่ "เจ็ตสกีโลก" ฤดูกาล 2023 โดยสนามที่ 1 วันที่ 18-21 พฤษภาคม 2566 ณ ประเทศโปแลนด์
วันที่ 4 เม.ย. 66 ความเคลื่อนไหว ทัวร์นาเมนต์เจ็ตสกี เก็บคะแนนชิงแชมป์โลก หรือ WGP#1 Waterjet World Series แบรนด์ทัวร์นาเมนต์กีฬาไทยที่เติบโตเป็นผู้นำโลก เตรียมรุกหนักปีนี้ โดยเปิดแผนงานใหญ่ฤดูกาล 2023 ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ทัวร์นาเมนต์ โดยเตรียมระเบิดศึก 4 สนามในปีนี้
ล่าสุด "บิ๊กเดรค" นายปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเมนต์เจ็ตสกีโลก WGP#1 เปิดเผยว่า "WGP#1 พร้อมแล้วที่จะเริ่มงานทัวร์นาเมนต์เจ็ตสกีเก็บคะแนนชิงแชมป์โลก 2023 (WGP#1 Waterjet World Series) ที่ไทยขึ้นเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และบริหารทัวร์นาเมนต์ฯ โดยในปฏิทินการแข่งขันฤดูกาล 2023 เพิ่มเป็น 4 สนาม ได้แก่ สนามที่ 1 วันที่ 18-21 พฤษภาคม 2566 ณ ประเทศโปแลนด์, สนามที่ 2 วันที่ 27-30 กรกฎาคม 2566 ณ ประเทศฝรั่งเศส, สนามที่ 3 วันที่ 5-8 ตุลาคม 2566 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และสนามที่ 4 ชิงชนะเลิศ วันที่ 13-17 ธันวาคม 2566 ณ เมืองพัทยา ประเทศไทย"
"ทั้งนี้การแข่งขันจะถ่ายทอดสดไปทั่วโลกตลอดปี ทั้ง 4 สนาม ผ่านสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านครัวเรือน ซึ่งประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างสูงในหลายด้าน อีกทั้งการสร้างชื่อเสียงความสำเร็จว่า คนไทยก็ทำงานบริหารกีฬาโลก ได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจะเห็นว่าคอนเทนต์กีฬาที่คนไทยผลิตสามารถเติบโตบนสื่อนานาชาติได้ แต่การมาถึงจุดนี้ ก็ต้องค่อยๆ สร้างการยอมรับเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง เพราะไทยยังไม่ค่อยมีเครดิตในด้านนี้มาก่อน ส่วนการยิงสัญญาณขึ้นดาวเทียมจากภูมิภาคต่างๆ ของโลก ก็เป็นความท้าทายอย่างมาก ซึ่งรายการทั้งหมดทำโดยทีมงานคนไทย จึงเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ"
"พร้อมกันนั้นต้องขอขอบคุณ 5 องค์กรสำคัญ ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กรมทรัพย์สินทางปัญญา นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดี และคณะอนุกรรมาธิการการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรม พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ประธานคณะอนุกรรมการธิการฯ ที่ได้สนับสนุนแนวคิดเชิงรุกของการพัฒนากีฬาไปสู่เวทีโลก กรุณาให้ความสำคัญเป็นต้นแบบการพัฒนากีฬาด้านนี้"
"เชื่อว่าความสำเร็จเกิดขึ้นเป็นเพราะทุกฝ่ายได้ร่วมมือกัน โดยเฉพาะการกีฬาแห่งประเทศไทย นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกองทุนฯ นางสาวสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนฯ เรียนตามตรงว่า การที่ประเทศไทยมี 2 องค์กรหลักนี้ ทำให้วงการกีฬาไทยแข็งแกร่ง มีโอกาสแข่งขันกับคู่แข่งในวงการกีฬาโลกมากขึ้น เช่น โครงการกีฬาเจ็ตสกีนี้ อาจต้องใช้เวลา 10-20 ปี ถ้าทำโดยลำพัง แต่สามารถสร้างความสำเร็จจุดนี้เพียง 4 ปี พร้อมตอบแทนความสำเร็จมากมายให้กับประเทศไทย จึงอยากเรียนว่า ในการพัฒนากีฬาสมัยใหม่ ที่ต้องเริ่มด้วยการมีวิสัยทัศน์กีฬา และทุกฝ่ายก็ต้องมีความร่วมมือกันอย่างดีด้วย กีฬาไทยจึงจะไม่ชะงัก สามารถนำประโยชน์ที่มี 2 องค์กรดังกล่าว ไปสร้างโอกาสความสำเร็จระดับโลกได้อีกมากมาย"