ฟ้าคำราม
มีใครเป็นนักวิ่ง “ติดหวาน” บ้างไหม เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ จะแก้ยังไงดีติดหวานกันแล้ว ทำยังไงดี? อย่างน้อย “น้ำอัดลม” ที่นักวิ่งมักพกขณะแข่งขันนั่นล่ะ ที่มีปริมาณน้ำตาลปาไปถึง 8.5-11 ช้อนชา!! ทั้งๆที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้กินน้ำตาลได้วันละไม่เกิน 6 ช้อนชา แค่น้ำอัดลม 1 กระป๋อง ก็มีปริมาณน้ำตาลเกินที่ร่างกายควรได้รับต่อวันแล้ว!!
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แค่กินน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ก็ทำให้ร่างกายได้รับความสดชื่น เมื่อร่างกายชอบ และอยากเสพความหวาน ก็สั่งให้เรากินน้ำอัดลมหรือของหวานอยู่เรื่อยๆ เพื่อเติมความสดใสให้ตัวเอง
พฤติกรรมกระหายความหวานนี้ อาจทำให้นักวิ่งบางคน “ติดหวาน” ไปเลย นอกจากน้ำอัดลมแล้ว เผลอๆอยากกินของหวานอย่างอื่นด้วยจริงไหม? การลดความหวานและอยากน้ำตาล เรื่องนี้มีเคล็ดไม่ลับแนะนำเอาไว้ว่า
1.ไม่หักดิบ ในการลดน้ำตาลในอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมต่างๆ เนื่องจากร่างกายจะไม่ยอมรับและทำได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น สุดท้ายก็จะกลับมากินหวานเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม!! เพราะการ “หักดิบ” ทำให้ร่างกายแสดงอาการ หน้ามืด เวียนศีรษะ อ่อนแรง คลื่นไส้ เป็นต้น
อาจต้องใช้วิธีการค่อยๆลดความหวานลง โดยให้เวลาตัวเองสัก 1-2 เดือน เพื่อปรับลิ้นรับรสให้ชิน
2.ดื่มน้ำเปล่าและอย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทำให้รู้สึกหิวและอยากกินของหวานมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่าเพียง 1 แก้ว ในขณะที่อยากกินของหวาน ก็จะช่วยลดความอยากนั้นลงได้
3.เลือกกินอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ข้าวกล้อง ผลไม้รสชาติไม่หวาน ถั่วต่างๆ เพราะใยอาหารจะช่วยลดความอยากความหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
4.หมั่นดูฉลากโภชนาการ เพื่อดูปริมาณน้ำตาลที่มีในอาหารและเครื่องดื่ม ลดการซื้อขนม ของหวานมาติดบ้าน
5.จดบันทึกอาหารที่กินในแต่ละวัน เพื่อดูว่าเรากินอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมอะไรบ้างที่มีความหวาน จะทำให้เราเห็นพฤติกรรมการกินของตัวเอง และช่วยเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมติดหวานได้ง่ายขึ้น
6.กินอาหารให้หลากหลายและครบหมู่ ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อทำให้ระดับน้ำตาลคงที่ และทำให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่าการกินข้าว หรือแป้งอย่างเดียว
7.เมื่ออยากกินของหวานลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำ เช่น ออกกำลังกาย เขียนหนังสือ ทำความสะอาดบ้าน เพราะเมื่อสมองสั่งการว่าอยากกินของหวาน ความรู้สึกนั้นจะอยู่ราวๆ 20-30 นาที หากทำกิจกรรมอย่างอื่นก็อาจช่วยให้ความอยากความหวานลดลง
ถ้ารู้ตัวว่า “ติดหวาน” แล้ว ก็พยายามเลิกกันเถอะ เพราะความหวานที่เกินพอดี นำมาสู่โรคอ้วน โรคเบาหวาน ฯลฯ ที่ส่งผลกับร่างกายของคุณในวันข้างหน้า
@@@@@@
เพจเฟซบุ๊ก ThaiRun ฮับความสุขนักวิ่งชี้ให้เห็นว่า อาการ “ติดหวาน” ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายของเราเท่าไหร่นัก เพราะจะนำไปสู่โรคต่างๆ ในอนาคตได้
และแน่นอนว่า การที่นักวิ่งจะหักดิบ ไม่รับความหวานเข้าร่างกายเลย ก็เป็นเรื่องยาก
ดังนั้นอย่างที่เพจแนะนำ ควรต้องค่อยๆปรับ ค่อยๆลดของหวานลง และลองหันไปทานอาหารอย่างอื่นจำพวกที่มีใยอาหารก็จะช่วยได้เยอะ
ของหวาน ไม่มีใครปฏิเสธว่า อร่อยถูกใจ ทำให้ร่างกายสดชื่น แต่ในทางกลับกัน ถ้ามากก็อาจเป็นยาพิษ
ที่ต้องระวังสุดๆด้วย...
ฟ้าคำราม