ช่วยกันล้าง

ไม่รู้เป็นความบังเอิญ หรือเป็นจังหวะเวลาที่ลงตัว พักนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นับถอยหลังถึงการเลือกตั้ง เป็นรอยต่อที่กำลังจะส่งผ่านไปสู่รัฐบาลหน้า เรื่องของการทุจริต ประพฤติมิชอบถูกขุด ถูกคุ้ยเปิดขึ้นมา

หลากหลายวงการ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะใช่ว่าเงียบ จะแสดงว่าไม่มี แล้วเคลมว่าสะอาด บริสุทธิ์ โปร่งใส โลกสวย

ด้วยปัญหานั้นย่อมต้องใช้เวลาก่อร่างสร้างโครงข่าย บ่มเพาะฝังรากมาระยะหนึ่ง ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เพิ่งปูด เมื่อสังคมรับรู้กว้างขึ้น มากขึ้น ใครก็ยากที่จะปิดบังซ่อนเร้น หรือปกป้อง บิดเบือนอะไรได้ นั่นคือกลไกเบื้องต้นแห่งการตรวจสอบที่จะนำไปถึงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่จริงจังตามระบบ หากมีมูลฐานความผิดที่ชัดเจน

ในวงการกีฬาเรา วันก่อน ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งนำไปสู่การแก้ปัญหาที่คาราคาซังมานมนาน ในมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติได้เสียที

ขณะที่เรื่องของการตรวจสอบผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ดูจะเข้มข้นมากขึ้นไปอีก ด้วยไม่เพียงแต่มีเรื่องร้องเรียนให้ กกท. ตรวจสอบ โดยมีการตั้งประเด็นจากคณะกรรมการที่ผู้ว่าการ กกท.ตั้งขึ้นไว้ 7 เรื่อง อยู่ระหว่างการขอเอกสารมาประกอบการพิจารณา ซึ่งสังคมคนกีฬาจับจ้องรอดูกันอยู่

ก็ขยับขยายเข้าสู่กรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎรเต็มตัว แม้ว่าจะเป็นช่วงท้ายของสมัยประชุมสภา โดย ผจก.กองทุนฯได้เข้าชี้แจงด้วยวาจาแล้ว แต่ทางคณะ กมธ.ก็ได้เรียกขอเอกสารมาประกอบคำชี้แจงเพิ่มเติมอยู่ว่าจะตรงกันหรือไม่อย่างไร

ไม่เท่านั้นหลังอดีตประธานโอลิมปิกไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ออกหน้าถามแทนสมาคมกีฬามาแล้ว ล่าสุด เมื่อพี่ใหญ่ในวงการกีฬาอีกคน “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ หรือ “ฟอนซา” หายป่วยออกจากโรงพยาบาลก็เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารฟอนซาทันที โดยมีผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยเข้าร่วมหารือกันพร้อมหน้า ถึงปัญหาที่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

ซึ่งที่ประชุมก็ถกกันหนักก่อนได้ข้อสรุปว่า จะส่งเรื่องให้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบการทำงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติใน 3 ประเด็น ทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และการใช้อำนาจอนุมัติการเบิกจ่ายเงินว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

น่าสนใจตรงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ที่ประชุมมีการระบุถึง ป.ป.ช. และ สำนักนายกรัฐมนตรี ด้วย โดย “เสธ.ยอด” คาดว่าจะส่งหนังสือได้ในต้นสัปดาห์หน้า ด้วยเรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ข้อเท็จจริงก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้กับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยอย่างแท้จริงต่อไป

นั่นหมายถึงการตรวจสอบที่เข้มแข็งมากขึ้น

สังคมอยู่ได้ด้วยความหวัง หวังที่จะเกิดสิ่งดีๆ และย่อมหวังที่จะกำจัดสิ่งไม่ดีให้หมดไป หรือเหลือน้อยที่สุด ขอเพียงกลไกต่างๆทำหน้าที่ อะไรถูก อะไรผิด ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

ผู้ถูกตรวจสอบเอง เมื่ออยู่ในตำแหน่งแล้ว สังคมเกิดความแคลงใจ มีข้อข้องใจ ถ้าไม่ได้กระทำผิด ยิ่งต้องชอบ เป็นโอกาสที่ดี ด้วยจะสามารถเคลียร์ตัวเองให้สิ้นข้อสงสัย

ช่วยกันชำระล้าง ช่วยกันตรวจสอบ ไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหน พบเห็นอะไร จงอย่านิ่งเฉย ยุคนี้มีช่องทางมากมาย สังคมเราจะน่าอยู่มากยิ่งขึ้น...

“เบี้ยหงาย”