หน้าแรกแกลเลอรี่

กีฬากับการเมือง

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

7 ก.พ. 2566 05:17 น.

หากย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่ากีฬากับการเมืองจะมีกำแพงขวางกั้น และถูกแบ่งขั้วเพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกัน อย่างชัดเจน

แต่เมื่อวันเวลาผ่าน กีฬากับการเมือง กลับไม่สามารถแยกจากกันได้ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศภายใต้การบริหารจัดการของพรรคการเมืองที่รวมตัวกันเป็นรัฐบาลกีฬาจึงเป็นหนึ่งในมิติของนโยบายการขับเคลื่อนที่ไม่อาจแยกจากการเมืองได้

อีกไม่นานบ้านเราจะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ยิ่งใกล้การเลือกตั้งปี่กลองการเมืองจึงเริ่มกระหึ่ม และสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนมากขึ้น ตามลำดับ

นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ จึงเป็นหนึ่งในกระแสที่มาคู่กับการเลือกตั้ง วันนี้ทุกพรรค จึงงัดกลยุทธ์ออกมาเพื่อมัดใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งและนำไปสู่การชนะของการสู้ศึกในหลากหลายมิติ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่พรรคการเมืองต่างๆ นำเสนอจุดขายออกมาจะพบว่าส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาสังคม โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจเป็นหลัก

การขับเคลื่อนนโยบายทางสังคม โดยเฉพาะมิติที่เกี่ยวกับกีฬาจะพบว่ายังไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่ากีฬา เป็นเพียงภาคส่วนเล็กๆที่สามารถนำไปสอดแทรกในภาคส่วนทางสังคมได้

และที่สำคัญ ถึงแม้ว่ากีฬาจะเป็นหนึ่งในมิติของการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมภายใต้การตื่นตัวของประชาชนก็ตาม แต่หากพิจารณาในแง่ของความเป็นจริงพรรคการเมืองต่างๆ คงพิจารณาแล้วว่านโยบายกีฬาไม่สามารถเป็นจุดขาย หรือนำไปสู่การคว้าชัยในการสู้ศึกเลือกตั้งได้

เมื่อกล่าวถึงพรรคการเมืองกับการกีฬาก่อนหน้านี้ หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2552 ครั้งนั้น “พรรคพลังคนกีฬา” เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้การนำของ “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล เป็นหัวหน้าหรือจอมทัพ โดยมีขุนพลคู่กาย “วิรุฬ เกิดชูกุล” เป็นเลขาธิการ

พรรคพลังคนกีฬานโยบายหลักที่สำคัญคือการพัฒนาวงการกีฬาและสร้างความสามัคคีของคนในชาติ และเมื่อเข้าสู่การสู้ศึกในสมรภูมิเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

แม้ว่าผู้นำอย่าง “บิ๊กหอย” จะแน่วแน่และมุ่งมั่นเพื่อการพัฒนาและยกระดับวงการกีฬาก็ตาม แต่ด้วยกระแสและปัจจัยแห่งกระสุนรวมทั้งบริบททางสังคมในขณะนั้นพรรคพลังคนกีฬาจึงยุติบทบาทและหายไปจากหน้าการเมืองในเวลาต่อมา

สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้อาจจะมีคำถามหรือโจทย์ของคนกีฬาที่ส่งไปถึงพรรค การเมืองต่างๆว่าพรรคใดพร้อมที่จะเสนอหรือนำมิติทางการกีฬามาเป็นแนวนโยบาย หรือจุดขายในการสู้ศึกบ้างหรือไม่อย่างไร

เหนืออื่นใดก่อนเข้าคูหากากบาทเชื่อว่าเจ้าของ อำนาจอธิปไตยที่แท้จริงคงจะพิจารณาไตร่ตรองและถอดบทเรียนเพื่อนำไปสู่การได้มาซึ่งรัฐบาลที่พร้อมจะขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

และหวังว่า “กีฬา” จะเป็นหนึ่งในแนวนโยบาย ที่พรรคการเมือง ซึ่งจะหลอมรวมเป็นรัฐบาลจะให้ ความสำคัญตลอดไป.

โจโจ้ซัง