หน้าแรกแกลเลอรี่

พลังคนกีฬา

เบี้ยหงาย

27 ม.ค. 2566 05:06 น.

เรื่องวุ่นๆในวงการกีฬาที่โผล่ขึ้นมาตอนนี้ และกำลังเข้าสู่กระบวนการในการตรวจสอบ หาข้อเท็จจริง ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยผู้ว่าการ กกท. ดร.ก้องศักด ยอดมณี จะเรียกผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เข้ามาชี้แจงกับเรื่องร้องทุกข์ดังที่ปรากฏต่อสาธารณชน ก่อนสรุปเรื่องทั้งหมดเสนอต่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

โดยข้อร้องทุกข์ของผู้ยื่น ในฐานะผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ ยกประเด็นขึ้นมา 11 หัวข้อ คงไม่ต้องฉายซ้ำในรายละเอียด ซึ่งก็คงจะมีการตรวจสอบกันในทุกประเด็น ส่วนผลจะออกมาอย่างไร สังคม โดยเฉพาะสังคมคนกีฬาจะรับได้หรือไม่ อย่างไร ก็ไว้เป็นเรื่องในวันข้างหน้า

แต่ในตอนนี้ต้องถือว่า การร้อง รับเรื่อง และมีการสอบสวน เข้าระบบอย่างเป็นทางการ

ซึ่งผู้ว่าก้องศักด ก็บอกกับคนกีฬาเต็มปากว่าทำเรื่องนี้จริงจัง ก็หวังว่าจะรักษาคำพูด!

โดยเฉพาะ เรื่องนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านเป็นคนรักกีฬาและให้การสนับสนุนมาตลอดก็รับรู้และให้ความสนใจ ถึงกับส่งคนเข้ามาติดตามเรื่องที่ กกท. ส่วน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวเรือใหญ่ด้านกีฬา ท่านยิ่งรู้ความเป็นมาต่างๆนานา บริวารแวดล้อมของท่านเต็มไปหมด บางคนรู้ซึ้ง รู้ตื้นลึกหนาบางครบถ้วน

ยิ่งใกล้เลือกตั้งด้วย น่าจะยิ่งจริงจังในการแก้ปัญหา คงไม่ลูบหน้าปะจมูกให้ผ่านๆไป

ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร นี่จะเป็นกรณีศึกษา ศึกษาอะไร ทำไมต้องศึกษา เรื่องนี้ก่อนที่จะมาถึงตรงนี้ เท็จจริงอย่างไร เชื่อว่าคนกีฬามากมายคงสัมผัสรับรู้อะไรมาบ้าง ด้วยต้องทำงานเกี่ยวข้องกันมาตลอด แต่เพียงแค่การพูดคุย ปรับทุกข์ แค่เรื่องเล่าสู่กันฟัง จากสมาคมกีฬาต่างๆที่ประสบกับตัวเอง ไม่ได้ก่อให้เกิดผลอะไร อย่างดีถ้าเป็นจริงก็เป็นเพียงเรื่องตลกร้าย ที่หัวเราะปนส่ายหน้ากันไปเท่านั้น

แต่เมื่อมีการ “ร้อง” อย่างเป็นทางการ กลไกของการขับเคลื่อนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและนำไปสู่การแก้ไขย่อมเกิด จะเกิดช้า เกิดเร็ว มีการเตะถ่วง ดึงเรื่องตามอำนาจ แรงกดดันอะไรก็ตาม เมื่อมีคนรู้ และยิ่งรู้มาก ก็ยากที่จะปกปิด และยิ่งคนกีฬาเองใส่ใจ ติดตาม และให้ความสำคัญกับเรื่องลักษณะนี้

อะไรก็มาบดบังไม่ได้

สิ่งสำคัญหากมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ต้องไม่นิ่ง ไม่เฉย ไม่เอาเป็นเพียงเรื่องพูดสนุกปาก แต่แอบคับแค้นยอมตาม โดยเฉพาะ ถ้ามีกรณีที่เลวร้ายหนักขึ้นไปอีก อย่างเช่น เรียกเปอร์เซ็นต์ จะ 20-25 หรือเท่าไหร่ หรือถ้ามีการของบ ได้รับการต่อรอง จะตรงหรืออ้อม ยกเหตุผลใด ถ้าไม่รับข้อเสนอก็ไม่ได้รับการจัดสรร แต่ถ้ายินยอม ขอมา 10 ให้ 15 แต่เอาไป 10 ตามที่ต้องการ ถ้ามีเรื่องลักษณะนี้ คนกีฬายิ่งต้องไม่เฉย ไม่ทน

การแก้ไข ไม่ใช่กล้ำกลืนยอมๆกันไป แต่ต้องกล้าเรียกร้อง ร้องเรียน ร้องทุกข์ ไม่ว่าจะร้อง กกท. หรือร้อง ป.ป.ช. ก็มีช่องทางหลากหลายและง่ายดาย ทั้งไม่ต้องลงชื่อผู้ร้องด้วย มีประเด็น เล่าพฤติกรรมกันไป หรือหากมีหลักฐานประกอบ ก็ยิ่งดีที่สุด หรือแม้แต่พฤติกรรมส่วนตัว เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่คุมเงินให้คุณให้โทษได้ ถึงกฎหมายไม่กำหนดให้ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน แต่จู่ๆรวยผิดตา หรือพ่อแม่เกิดรวยขึ้นมาฉับพลัน ใช้แบรนด์เนมไม่ซ้ำวัน เพชรเต็มตัว ขับซุปเปอร์คาร์ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ธรรมดาๆ อย่างนี้ก็มีเหตุแห่งการร้องให้ข้อมูลได้เลย

เราคนกีฬา ประกาศตัวเองว่ามีสปิริต อย่าปล่อยให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น เมื่อเกิดก็ต้องแก้ แก้ด้วยความไม่นิ่ง ไม่เฉย ไม่ทน ขอพลังคนกีฬาทำสิ่งที่ถูกที่ควร เพื่อสังคมที่ดีกว่า

ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายความจริงต้องปรากฏ...

“เบี้ยหงาย”