วงรอบใหม่

เปิดศักราชใหม่เต็มตัว กลับมาทำงานกันเรียบร้อย คงสะสมพลังกันมาเต็มอิ่ม เพื่อสู้กันต่อกับวงรอบ ใหม่ ปี 2566 ซึ่งคอกีฬาทั้งหลายต้องชื่นชอบแน่นอนกับปีนี้ที่มีคิวแข่งกันเพียบ

ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเดี่ยวๆ แล้วแต่ชนิดกีฬาที่คลั่งไคล้ หรือมหกรรมกีฬาในภาพรวมของทัพนักกีฬาไทย ก็มีให้ลุ้นกันแน่นเอี้ยด

และดูจะเป็นปีที่มากกว่าปกติเสียด้วย ไม่ว่าจะตามรอบของการจัด หรือขยับเขยื้อนเลื่อนมาจากอิทธิฤทธิ์ของโควิด-19 ในช่วงกำลังพีก

มหกรรมกีฬานานาชาติที่ทัพไทยลงแข่งนั้น มี 6 เกม มีซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ช่วง 5-17 พ.ค. กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ระหว่าง 1-10 มิ.ย. แข่งที่กัมพูชาทั้งคู่ ถัดไปกีฬาชายหาดโลก เวิลด์ บีชเกมส์ ครั้งที่ 2 ช่วง 5-12 ส.ค. ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ของจีน 23 ก.ย. ถึง 8 ต.ค. ต่อด้วยเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ระหว่าง 22-28 ต.ค.

อีกรายการเป็นเจ้าภาพเอง กีฬาเอเชียน อินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 17-26 พ.ย. ที่กรุงเทพฯและชลบุรี

สำหรับกีฬาเดี่ยวๆนั้น ยกตัวอย่างพอเป็นน้ำจิ้ม เฉพาะที่จัดในบ้านเราก็ วอลเลย์บอลหญิง กีฬาที่ซูเปอร์โพลสำรวจเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาระบุว่าเป็นความสุขที่สุดของคนไทยในปี 2565 ที่ได้ดูการถ่ายทอดสดตบสาวไทย ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติเป็นศรีกีฬา และโดยเฉพาะวอลเลย์บอลหญิงได้รับฉันทมติเช่นนี้

ปีนี้วอลเลย์บอลหญิงจะจัดทั้งศึกเนชันส์ลีก และชิงแชมป์เอเชีย ไม่รวมถึงการที่ต้องไปเล่นคัดโอลิมปิก เชียร์กันขาดใจแน่นอน

ขณะที่กีฬามหานิยมอย่างฟุตบอลนั้น แม้ว่าจะซวนเซหนักเมื่อปีก่อน แต่ปีนี้ก็มีเกมอยู่มาก

เช่นกัน แต่แรกนั้นตามโปรแกรมที่เล่นเยอะก็ทีม 23 ปี ซึ่งมีเกมใหญ่ทั้งสิ้น ใหญ่ทั้งศักดิ์ศรีและใหญ่ตามเกม ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ฟุตบอล 23 ปี ชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือก เรียกว่าศึกหนักทั้งนั้น

รวมถึงทีมเยาวชน 17 ปี ซึ่งเราจะเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันรอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชียในเดือน พ.ค.นี้ ความสำคัญมีมากไปอีกเมื่อถือเป็นเกมคัดตัวแทนเอเชีย 4 ทีม ไปแข่งขันชิงแชมป์โลกด้วย

ด้านทีมชาติชุดใหญ่ เดิมทีนั้นหลังจบศึกชิงแชมป์อาเซียนที่กำลังบรรเลงกันอยู่นี้ก็ไม่มีแมตช์มากนัก แม้จะเริ่มตัดฟุตบอลโลก 2026 ในวงรอบใหม่ที่จะเตะกันช่วงปลายปี แค่ปี 2566 ทีมไทยซึ่งลงคัดตั้งแต่รอบสอง รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งต้องเตะกันทีมละ 6 แมตช์ แต่อยู่ในปีนี้เพียง 2 นัดเท่านั้น

นอกนั้นก็ไปรอดูกันช่วงเกมฟีฟ่าเดย์ที่ให้ทีมชาติชุดใหญ่ได้ลองทีมอุ่นเครื่องกัน มี 5 ช่วงดังนี้ 20-28 มี.ค. ถัดไป 10-18 มิ.ย. ต่อด้วย 4-12 ก.ย. จากนั้นก็ 9-17 ต.ค. และปิดท้ายปี 13-21 พ.ย.

แต่ล่าสุดมีข่าวดีให้คอบอลได้ร่วมลุ้นไปกับทีมชุดใหญ่เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก หรือ (WAFF) เตรียมจัดศึกชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก 2023 โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นเจ้าภาพ 20 มี.ค. ถึง 2 เม.ย.นี้ และส่งเทียบมาเชิญแข้ง “ช้างศึก” ของเราเข้าร่วมด้วย

ซึ่งก็อยู่ระหว่างการเคลียร์คิวไทยลีกเพื่อเอื้อต่อทีมชาติให้ไปแข่งได้อยู่ ตามรูปการณ์แล้วไม่น่ามีปัญหา น่าจะไปเล่นสูง และถือเป็นเรื่องดีที่ได้รับโอกาสเช่นนี้ เรียกว่าได้ประโยชน์ในทุกมิติ

เพียงแต่ว่า ไทยแลนด์ของเรานั้นจะพร้อมแค่ไหนเท่านั้น

วงรอบใหม่ ความหวังใหม่ ลืมๆอดีต ก้าวข้ามกันไปบ้างก็ได้ ต้องให้โอกาสกันในครั้งใหม่

แต่ถ้ายังซ้ำซากเหมือนเดิมค่อยว่ากัน...อีกที

“เบี้ยหงาย”