หน้าแรกแกลเลอรี่

"เทพบิว-โปรจีน" หวังได้ยาวๆ ลูกยางสาวเจนใหม่ สร้างสุขทั่วไทย

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

31 ธ.ค. 2565 07:01 น.

เหน็ดเหนื่อยสู้ชีวิตกันมาตลอดทั้งปีเจอทั้งโควิด-19 ชนกับสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่ในที่สุดก็ฝ่าฟันกันมาได้ และเดินทางมาถึงวันสุดท้ายของปี 2565 กันแล้ว ก็ต้องปรบมือให้กับทุกคนที่ไม่ย่อท้อต่อปัญหาสารพัด

แน่นอนว่า หนึ่งในกำลังใจที่ช่วยหล่อเลี้ยง สร้างพลังบำรุงขวัญให้พี่น้องชาวไทย ก็บรรดานักกีฬาทีมชาติไทยของเรานี่แหละ ที่ทำผลงานเอาไว้มากมายในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่สร้างความสุขให้กับพี่น้องทั่วประเทศได้เป็นอย่างมาก เป็นมากกว่ากีฬา ช่วยเยียวยาจิตใจ การได้ลุ้นได้เชียร์ ช่วยเปลี่ยนความอ่อนล้า ให้กลายเป็นพลัง เป็นแรงขับ

ให้ลุกขึ้นสู้ต่อในวันถัดไป!!!

สำหรับทีมตบลูกยางสาวไทยสายเลือดใหม่นั้น เปลี่ยนผ่านมาจากยุค 7 เซียน นำโดย “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ กัปตันทีม และ “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย เป็นตัวรับอิสระ ร่วมด้วย “แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง, “เตย” หัตถยา บำรุงสุข, “เพียว” อัจฉราพร คงยศ, “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์ และ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี มี “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน

ทีมชุดนี้ทำผลงานได้ดีต่อเนื่องประเดิมด้วยการคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม เมื่อเดือน พ.ค. ต่อด้วยศึกเนชันส์ ลีก ปลาย พ.ค.-มิ.ย. สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบสุดท้ายและจบด้วยอันดับ 8 ดีที่สุดของทีมไทยในรายการนี้ จากนั้นศึก
เอวีซีคัพ ที่ฟิลิปปินส์ เดือน ส.ค. ได้อันดับ 3 ถัดมาได้แชมป์อาเซียนกรังด์ปรีซ์ ที่นครราชสีมา และปิดท้ายศึกชิงแชมป์โลก ที่เนเธอร์แลนด์ และโปแลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วม เป็นที่ประทับใจแฟนกีฬาแบบสุดๆ

สาวไทยสร้างความฮือฮาล้มยักษ์ได้หลายทีมทั้งตุรกี โดมินิกัน และเบียดสู้กับทีมชั้นนำของโลก อย่างสหรัฐฯได้อย่างสนุก จบรายการนี้ด้วยอันดับ 13 ส่วนอันดับโลกอยู่ที่ 15 ติดเป็น 1 ใน 24 ทีม ไปแข่งขันรอบคัดเลือกวอลเลย์บอลโอลิมปิก ปารีส 2024 ต่อไป

เรียกได้ว่า ผลงานความสนุกสนานในการเชียร์เป็นทอล์ก ออฟเดอะทาวน์ ถูกพูดถึงในวงกว้าง เป็นหนึ่งในบทสนทนาประจำวัน เป็นเรื่องที่ต้องกล่าวถึงในทุกสังคมกันเลย

ขณะเดียวกัน ผลงานของตัวแทนทีมชาติไทยที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ในรอบปี ต้องยอมรับว่า ในส่วนของฝ่ายชายคงเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ “เทพบิว” ภูริพล บุญสอน นักกรีฑาหนุ่มอนาคตไกล

ภูริพลฉายแววครั้งแรกในวัย 16 ปี ด้วยการกวาด 2 เหรียญทอง กีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ที่ศรีสะเกษ ทำลายสถิติประเทศไทยทั้ง 100 เมตร และ 200 เมตร 3 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ทั้ง 100 เมตร 200 เมตร และผลัด 4 คูณ 100 เมตร โดยประเภทหลังนี้ทำลายสถิติซีเกมส์ได้ด้วย

ในรายการกรีฑาชิงแชมป์โลก ที่โคลอมเบีย แม้จะได้อันดับ 4 วิ่ง 100 เมตร พลาดเหรียญอย่างน่าเสียดาย แต่ในรอบรองฯ วิ่งได้ 10.09 วินาที ทำลายสถิติเดิมของนักวิ่งสหรัฐฯที่ทำไว้ 10.15 วินาที เมื่อปี 2017 ซึ่งสหพันธ์กรีฑาโลกยืนยัน ยกให้ “เทพบิว” เจ๋งสุด เป็นเบอร์ 1 ในรุ่น 18 ปี วิ่งเร็วกว่าใคร ด้วยวัย 16 ปี 210 วัน และล่าสุดกรีฑายุวชนชิงแชมป์เอเชีย ที่คูเวต หนุ่มจากสมุทรปราการยังทำได้ 2 เหรียญทอง 100 เมตร และ 200 เมตร อีก

เป็นความหวังใหม่ของทัพไทยและกรีฑาไทยไปแล้ว

ส่วนฝ่ายหญิง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลงานของ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล นักหวดวงสวิงสาวไทย วัย 19 ปี ชั่วโมงนี้ ไม่มีใครสู้ได้จริงๆ

ปีนี้ระเบิดฟอร์มคว้า 2 แชมป์ เจทีบีซี คลาสสิก ที่สหรัฐฯ เดือน มี.ค. ซึ่งเป็นแชมป์แรกของเธอในแอลพีจีเอ ทัวร์ และวอลมาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปียนชิป ที่สหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.ย. เป็นรุกกี้ แต่ก็สามารถก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลกได้อย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 31 ต.ค.

แม้จะยืนหนึ่งได้ไม่นาน ก่อนปิดฤดูกาลด้วยการเป็นมืออันดับ 3 ของโลก แต่ก็ถือเป็นดาวรุ่งคนที่ 2 ต่อจากพัค ซอง ฮยอน จากเกาหลีใต้ ที่ทำได้เมื่อปี 2017 และเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ครองมือ 1 ของโลก ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล รวมทั้งยังเป็นนักกอล์ฟคนที่ 2 ที่ครองมือ 1 ของโลก ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ด้วยวัย 19 ปี 8 เดือน 11 วัน ต่อจากลิเดีย โค ของนิวซีแลนด์ที่ยึดมือ 1 โลก ด้วยอายุ 17 ปี 9 เดือน 9 วัน

นอกจากนี้ ยังทำสถิติด้านต่างๆอยู่ในระดับหัวแถวได้อีก เช่น จบท็อป 10 ถึง 16 รายการ จากที่ลงเล่นทั้งหมด 26 รายการ ส่วนเงินรางวัลในปีนี้ เธอเก็บไปได้ทั้งหมด 2,193,642 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 76,777,470 บาท

ถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆและเมื่อดูจากอายุ ก็คงได้ลุ้นกันอีกยาวๆ อย่างแน่นอน

ส่วนผลงานของนักกีฬาไทยคนอื่นๆที่สะดุดตากว่าใครก็ยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มน้องๆนักสนุ้กเกอร์สาวของไทย นำโดย “มิ้งค์ สระบุรี” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย ที่ปีนี้ทำได้ 4 แชมป์ จากแชมป์แรก ศึกบริติช โอเพ่น เดือน ม.ค. ต่อด้วยแชมป์โลก เดือน ก.พ. แชมป์คู่ผสม คู่กับนีล โรเบิร์ตสัน เมื่อเดือน ก.ย. และอีเดน วูเมนส์ มาสเตอร์ เดือน พ.ย.

รวมถึง “พลอย ขอนแก่น” พลอยชมพู เหล่าเกียรติพงษ์ ก็ได้แชมป์โลกสนุ้กเกอร์หญิง อายุไม่เกิน 21 ปี, “ใบพัด ศรีราชา” ศิริภาพร นวนทะคำจัน แชมป์สมัครเล่นชิงแชมป์เอเชีย และ “มาย สากล” ปัณชญา จันทร์น้อย แชมป์สนุ้กเกอร์สมัครเล่นหญิงชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี

มาถึง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชื่อดังก็ไม่เบา ด้วยสไตล์กล้าได้กล้าเสีย ทำให้ปีนี้เจ้าตัวเก็บไป 4 โพเดียม ในจำนวนนี้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักแข่งไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โมโตทู รายการอินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อเดือน มี.ค. ได้ด้วย

“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทยปีนี้หยิบมาได้ 2 แชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ที่ฝรั่งเศส และอังกฤษ ซึ่งเป็นเหรียญทองเวิลด์กรังด์ปรีซ์ เหรียญที่ 8 และล่าสุดเป็นเหรียญที่ 9 กับการคว้าแชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์ไฟนอล ที่ซาอุดีอาระเบีย รวมตลอดปีพาณิภัคได้แชมป์ 5 รายการ จากที่ลงสนามไปทั้งหมด 8 รายการ ยังรักษามาตรฐานได้ดี

แถมยังเป็นนักกีฬายอดเยี่ยมหญิงของสหพันธ์เทควันโดโลกด้วย

“โปรช้าง” ธงชัย ใจดี วัย 52 ปี ก็ไม่น้อยหน้าเด็กรุ่นใหม่ได้แชมป์กอล์ฟพีจีเอ ทัวร์ แชมเปียน อเมริกัน แฟมิลี อินชัวแรนซ์ แชมเปียนชิป ที่สหรัฐฯ เมื่อเดือน มิ.ย. สร้างตำนานคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์ระดับซีเนียร์ โดยทำเงินตลอดฤดูกาล อยู่อันดับ 7 ได้ 1,636,053 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 57,261,855 บาท

ยังรวมถึงแบดมินตันก็สร้างชื่อได้ตลอด ปีนี้บรรดามือดังมีแชมป์มาฝากไม่ขาด “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสม คว้ามา 3 แชมป์ เจแปน โอเพ่น สิงคโปร์ โอเพ่น และเยอรมนี โอเพ่น เช่นเดียวกับ “มูนา” เบญญาภา กับ “อันนา” นันทน์กาญจน์ เอี่ยมสอาด หญิงคู่พี่น้องดาวรุ่งพุ่งแรงได้ 3 แชมป์เช่นกัน จากอินเดีย โอเพ่น ไฮโล โอเพ่น และเวียดนาม โอเพ่น ก่อนที่คู่ผสม และหญิงคู่ จะมาได้รองแชมป์ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ ที่บ้านเรา ส่งท้าย

ขณะที่ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ได้แชมป์หญิงเดี่ยว มาเลเซีย โอเพ่น “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ซิวแชมป์หญิงเดี่ยว อินเดีย โอเพ่น และ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์ชายเดี่ยว เยอรมนี โอเพ่น และรองแชมป์โลก ที่ญี่ปุ่น

และปิดท้ายด้วยผลงานของทัพไทย ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนามก็รวมพลังช่วยกันคว้ามาได้ 92 เหรียญทอง 102 เหรียญเงิน 138 เหรียญทองแดง เช่นเดียวกับกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่อินโดนีเซีย ทัพพาราไทยกวาดมา 116 เหรียญทอง 111 เหรียญเงิน 90 เหรียญทองแดง ซึ่งทั้ง 2 รายการ ไทยจบอันดับ 2 ของตาราง โดยแพ้ให้กับเจ้าภาพไปทั้งคู่

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวถึงผลงานของทัพนักกีฬาไทย ตลอดปี 2565 ไว้ด้วยว่า ขอร่วมแสดงความยินดี ชื่นชม ทั้งนักกีฬา และผู้เกี่ยวข้องทุกคน ที่สร้างชื่อเสียง และสร้างความสุขให้แฟนกีฬา

“กกท. ติดตามและส่งเสริมนักกีฬาทุกชนิดผลักดันในทุกทาง ผ่านการจัดสรรงบประมาณไปยังสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่และยังส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้าไปด้วย ซึ่งนักกีฬาหลายคนก็ได้เข้ามาใช้บริการในศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ กกท. หัวหมาก อยู่เป็นประจำ” ดร.ก้องศักดกล่าว

ถือได้ว่าในปีนี้ทัพไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ นักกีฬาเจเนอเรชันต่างๆอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะกับสายเลือดใหม่มีอนาคตที่สดใส แฟนกีฬามองดูแล้วน่าจะสบายใจกันได้ น่าจะสร้างความสุข สมหวังกันได้อีกนาน

เป็นสัญญาณดีส่งท้ายปีก็ว่าได้...

กราวกีฬาไทยรัฐ