บี บางปะกง
กระแสบอลไทยลีกสัปดาห์นี้ โดนกลบซะมิด ด้วยข่าวคราวของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี
จากกรณีอุบัติเหตุที่นายทวารดาวรุ่งของสโมสร เมาแล้วขับรถชนยับ
จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ อย่างน่าเศร้าใจเป็นที่สุด!
นี่เป็นบทเรียนราคาแพง...(ระยับ) ของคนเป็น ‘นักฟุตบอลอาชีพ’
ที่อาจต้องหมดอนาคตเอาได้ง่ายๆ กับเรื่องราวนอกสนามที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจให้เกิด
แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องรับกรรมกันไป
โทษฐานที่ไม่ยอมครองตนอยู่ในสถานะของ “นักกีฬาที่ดี” (พอ)
ไปยุ่งเกี่ยวกับเหล้ายา ปลาปิ้ง จนเมามาย ครองสติไม่อยู่ ทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้
ต้องชื่นชม ท่านประธานสโมสรชลบุรี วิทยา คุณปลื้ม ที่ออกมาแสดงความรับผิดชอบทุกอย่างเต็มที่
เช่นเดียวกับ “บิ๊กบอล” ศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมหนุ่ม ซึ่งแสดงสปิริต “ลาออก” จากตำแหน่ง...โดยไม่มีข้อแม้
ที่น่าเป็นห่วง..ก็คือผลงานของ ฉลามชล หลังจากนี้ไป ว่าจะออกอาการแกว่งหรือเปล่า กับการคั่วตำแหน่งหัวตาราง
ซึ่งคงต้องฝากความหวังไว้ที่ฝีไม้ลายมือของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือจอมเก๋า
ว่าจะประคับประคองฟอร์มการเล่นของลูกทีมฉลามดาวรุ่งชุดนี้...ให้อยู่ในมาตรฐานที่ยอดเยี่ยม..ดังเช่น 10 นัดแรกที่ผ่านมา ได้มากน้อยแค่ไหน?
สำหรับศึกไทยลีก แมตช์เดย์ที่ 11 สุดสัปดาห์นี้ โปรแกรมเตะยังคงเข้มข้น น่าติดตามเช่นเดิม
โดยเฉพาะการแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูง ระหว่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 กับ แชมป์เก่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีแต้มนำอยู่แค่คะแนนเดียว
น่าจับตานะครับว่าขุนพล “แข้งเทพ” ซึ่งฤดูกาลนี้...เน้นการเสริมทัพแบบถูกจุด โดยไม่มีบิ๊กดีลให้เห็นเหมือนปีก่อนๆ
แต่ฟอร์มของพวกเขากลับ “นิ่ง” ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดูง่ายๆ จากแมตช์ตกค้างที่พลาดท่าปราชัยคาบ้านเป็นเกมแรกให้ ราชบุรี เอฟซี 0-1 ในเกมที่เตะกันแค่ไม่ถึง 40 นาที
ถ้าเป็นเมื่อก่อน แข้งบียู ต้องมีอาการสะดุดต่อเนื่องไม่ตำ่กว่า 3-4 นัด
แต่ตอนนี้..ไม่ใช่แล้ว พวกเขาคืนฟอร์มเก่งกลับมาได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ!
เพียงแค่เกมถัดมา ก็รวมพลังเอาชนะคู่ปรับสำคัญ อย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้อย่างงดงาม 2-0
จนแซงขึ้นมารั้งรองจ่าฝูงของตารางอย่างที่เห็น
ซึ่งเรื่องนี้ “บิ๊กนิว” สุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เผยกับผมว่า
สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับแข้งเทพในปีนี้ ไม่ใช่สไตล์การเล่น
เพราะพวกเรายังคงยึดมั่นในเกมเอนเตอร์เทน ที่เน้นการเดินหน้าบุกแหลกอยู่เหมือนเดิม
แต่ด้วยแนวทางการทำทีมของ “ออเรลิโอ วิดมาร์” กุนซือชาวออสซี่ ที่มาทำให้เรามีสมาธิในเกมรับมากขึ้น
ไม่ยอมเสียประตูให้คู่แข่งง่ายๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป
บวกกับการทำการบ้านอย่างหนัก ของ ผอ.เทคนิค “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ที่ช่วยให้ข้อมูลกับโค้ชวิดมาร์เป็นอย่างดีมาตลอด
ทำให้ภาพรวมต่างๆ ภายในทีมดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญผู้เล่น บียู แต่ละคน มีความมุ่งมั่น กระหายชัยชนะมากขึ้น
ทุกคนหวังจะลบคำสบประมาท ที่เราถูกมองว่าเป็น “ม้าตีนต้น” แต่ชอบ “แผ่วปลาย” อยู่เป็นประจำ
ให้กลายมาเป็นทีมที่มี “ฟอร์มคงเส้นคงวา” ตลอดรอดฝั่งทั้งฤดูกาลให้ได้เสียที
ซึ่งทั้งหมดนี้ ทางประธานใหญ่ บิ๊กขจร เจียรวนนท์ ไม่ได้เน้นหนักหรือลงมากดดันอะไรพวกเราแต่อย่างใด
นอกจากบอกนักเตะให้เล่นให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะในทุกเกมที่ลงสนาม
แต่น่าจะเป็นสามัญสำนึกของทุกคนในทีม ที่ต้องการเห็น บียู ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์เมเจอร์แรกให้ได้เสียทีในซีซันนี้..ซะมากกว่า
กับบิ๊กแมตช์ที่ บุรีรัมย์ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ที่ผ่านมาสถิติของแข้งเทพ จะยังไม่เคยบุกไปชนะบุรีรัมย์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ถ้ามองถึงขุมกำลังที่สมบูรณ์สุดๆ ในทุกตำแหน่ง รวมถึงความมั่นใจที่มีเกินร้อย ณ เวลานี้
คำว่า “สถิติมีไว้เพื่อทำลาย” อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ช้างอารีน่า ในคำ่วันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค.นี้ ก็เป็นได้
และถ้าหากพวกเขามีแต้มจากรังเซราะกราวกลับออกไป
นั่นแหละที่พวกเราจะได้เห็น “ผู้ท้าชิง” ตัวจริง เสียงจริง
กันแบบจะจะเสียที !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com