หน้าแรกแกลเลอรี่

"รัฐมนตรีกีฬา" วางเป้าหมายใหญ่ สปอร์ตทัวริซึม ปี 2566 นำโดย 3 รายการใหญ่

ไทยรัฐออนไลน์

20 ต.ค. 2565 14:38 น.

"พิพัฒน์ รัชกิจประการ" รัฐมนตรีกีฬา วางเป้าหมายใหญ่ สปอร์ตทัวริซึม ปี 2566 ซึ่งประเทศไทย จัดเวิลด์คลาสอีเวนต์หลายรายการ นำโดย โมโตจีพี, เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก, วิ่งเทรล รวมถึงการเป็นเจ้าภาพเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท


วันที่ 20 ต.ค. 65 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดบูธโปรโมตกิจกรรมการแข่งขันกีฬาเชิงท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส และค่ายมวยไทย ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในงานมหกรรมการแสดงสินค้าเพื่อการท่องเที่ยวเอเชีย ITB Asia 2022 ที่แซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ประเทศสิงคโปร์ โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท., นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการกกท. ฝ่ายยุทธศาสตร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมด้วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกีฬาหลากหลายชนิดกีฬา ร่วมด้วย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกกท. และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นำทัพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกีฬาหลากหลายชนิดกีฬาบุกตลาดเอเชีย-แปซิฟิก พบปะพันธมิตรคู่ค้าจากทั่วภูมิภาคเอเชีย ในงานมหกรรมการแสดงสินค้าเพื่อการท่องเที่ยวเอเชีย ITB Asia 2022 ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคมนี้ โดยชูจุดแข็งนโยบาย สปอร์ต ทัวริซึม และสปอร์ตฮับ ของเอเชีย เพื่อดึงกลุ่มนักวิ่ง นักท่องเที่ยวที่ชอบกิจกรรมกีฬา และสันทนาการ นํารายได้เข้าสู่ประเทศไทย

นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงานมหกรรมการแสดงสินค้าเพื่อการท่องเที่ยวเอเชีย ของ กกท.ในครั้งนี้เป็นการเข้าร่วมแบบเต็มตัวครั้งแรก ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่เรื่องสปอร์ต ทัวริซึม โดยเฉพาะมวยไทยที่เป็นซอฟต์ เพาเวอร์ ของประเทศไทยไปแล้ว และเป็นที่รู้จักไปทั่ว 146 ประเทศทั่วโลก ที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (อิฟม่า) ซึ่ง กกท.มาออกบูธในครั้งนี้จะเป็นการนำไปสู่สปอร์ต ทัวริซึม สนับสนุนการนำกีฬาเชิงท่องเที่ยว โดยเฉพาะกีฬาอีเวนต์ระดับนานาชาติ ซึ่งแต่ละปีประเทศไทยมีหลายรายการ
ในช่วงปลายปีนี้มี 2 อีเวนต์ใหญ่คือ การแข่งขันวิ่งเทรลภูเขาชิงแชมป์โลก ครั้งแรกที่ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 3-6 พฤศจิกายน และการแข่งขันวิ่งเทรล บายยูทีเอ็มบี ที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 8-11 ธันวาคมนี้ ส่วนปีหน้าเรามีอีเวนต์นานานาชาติมากมาย ทั้งกีฬาเอเชียนอินดอร์ และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ รวมทั้งรถจักยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี และเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าจะสร้างชื่อเสียง และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย โดยสปอร์ต ทัวริซึม

“ในอดีตที่ผ่านมา กกท.ได้มีการเก็บตัวเลขรายได้เงินจากการจัดกีฬาอีเวนต์นานาชาติอยู่ที่ประมาณ 3-4 พันล้านบาทต่อปี แต่หลังจากที่เราได้มีการจัดเป็น สปอร์ต ทัวริซึมขึ้นมาแล้ว เฉพาะรายการเดียวในโมโตจีพี ปีที่ผ่านมาสร้างมูลค่าถึง 4 พันล้านบาท ดังนั้น ผมจึงมีความมั่นใจว่าถ้าเราจัดเป็นกิจจะลักษณะ และประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ รายได้ในปี 2566 คงไม่น้อยกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท นี่คือเป้าหมายที่พวกเราจะต้องวิ่งเข้าไปสู่สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้กับอีเวนต์กีฬาระดับโลกที่มาจากสปอร์ต ทัวริซึม ซึ่งจะถือเป็นตัวกระเพื่อม ดึงดูดเรื่องการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับประเทศ”

รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้เราจะเก็บตัวเลขอย่างชัดเจนเรื่องสปอร์ต ทัวริซึม ในการจัดอีเวนต์กีฬาที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ เพื่อไปสื่อสารกับทางรัฐบาล รวมทั้งสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพราะการจัดจะต้องไปดึงลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมา ซึ่งจะต้องอาศัยงบประมาณจากภาครัฐในการไปดึงมาจัดที่เมืองไทย อีกทั้งส่วนตัวเชื่อว่ารายได้จากสิ่งเหล่านี้คงไม่หยุดอยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท ในอนาคตมีความมั่นใจว่าถ้าเราดึงอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกมาจัดต่อเนื่องได้ทุกเดือนจนติดตลาด เป้าหมายแสนล้านบาทจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ กกท.ได้ใช้พื้นที่ในการจัดงานแยกออกมาจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งครั้งนี้เราให้ความสำคัญในการโปรโมตเรื่องสปอร์ต ทัวริซึม และมวยไทย เราจึงตัดสินใจจัดบูธของเราเอง และมีกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งนำผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกีฬาต่างๆ และอีเวนต์ระดับโลกมาร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมในการเพิ่มลูกค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้ผลักดันนโยบายของรัฐมนตรีพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่ต้องการจะเห็นสปอร์ต ทัวริซึม เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากีฬา และกระตุ้นเศรษฐกิจ