ไทยรัฐฉบับพิมพ์
หากไม่พูดถึง “กีฬาน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” เจ็ตสกี เด่วจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง หลังออกไปโชว์ผลงาน อย่างกึกก้องแดนลุงแซม “สหรัฐฯ” ด้วยการกวาดแชมป์โลกมาได้ถึง 14 รุ่น ในศึกชิงแชมป์โลก “ดับเบิลยูจีพี วัน เจ็ตสกี เวิลด์ ซีรีส์ 2022” สนาม 2 เวิลด์ ไฟนอล ที่ผ่านมา
พร้อมกับคว้าถ้วยแชมป์คะแนนรวมในปีนี้ได้สำเร็จ
การสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงให้กับวงการหนนี้ส่งผลให้เจ็ตสกีไทยผงาดขึ้นเบอร์ 1 ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
หากมองย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วก่อนที่จะเกิดวิกฤติใหญ่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก จนไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ ทีมเจ็ตสกีไทยหยิบมาได้เพียง 9 แชมป์โลกเท่านั้น
แต่ถ้าให้ลึกไปอีกนิดการแข่งขันชิงแชมป์โลกซึ่งจัดมาเป็นปีที่ 27 แล้ว ตอนนั้นไทยเป็นแค่เพียงไม้ประดับขอแค่ได้มีส่วนร่วมหรือคว้ามาได้สัก 1-2 แชมป์โลกถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
ตอนนั้นมี “เจ” เจตริน วรรธนะสิน, “เปิ้ล” นาคร ศิลาชัย รวมถึง “มนุษย์เหล็ก” เชาวลิต เกื้อจรูญ และอีกหลายคนเป็นตัวชูโรง
หลังจากสมาคมเจ็ตสกีเริ่มเข้าที่เข้าทางทำงานอย่างเป็นระบบบวกกับความตั้งใจจริงทุ่มเทอย่างหนักส่งให้ผลงานของเจ็ตสกีไทยก็ดีอย่างต่อเนื่องมีแชมป์โลกติดไม้ติดมือเพิ่มขึ้นตลอด
อย่างที่บอกความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพราะทุกคนร่วมแรงร่วมใจไม่ว่านักกีฬา สตาฟฟ์โค้ช ช่างประจำทีม รวมถึงผู้บริหารสมาคม ที่ช่วยกันทำงานอย่างเต็มกำลังจนทำให้ก้าวไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้สำเร็จ
นอกเหนือจากความสำเร็จในเกมชิงแชมป์โลกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ “เวิลด์ซีรีส์” ที่ถือเป็นแบรนด์ไทยระดับโลก ที่กำลังเป็นที่สนอกสนใจจากหลายประเทศที่แห่ขอจองเป็นเจ้าภาพจัดแบรนด์ “เวิลด์ซีรีส์” ถือเป็นอีกผลงานชิ้นโบแดงที่สร้างชื่อให้กับประเทศไทยไม่แพ้กัน
เอาง่ายๆ เมื่อก่อนในการเป็นเจ้าภาพจัดรายการใหญ่ในไทยเราต้องลงทุนจ้างนักแข่งแต่ละชาติมาร่วมเพื่อสร้างสีสัน แต่วันนี้ทุกชาติต้องจองคิวล่วงหน้าเพื่อมาแข่ง ใครช้าก็อดมาแข่ง
ประสบความสำเร็จครบทุกด้านทั้งผลแข่งและการเป็นเจ้าภาพ แบบนี้เชื่อว่าสนาม 3 รายการ “เวิลด์คัพ” ที่ประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-18 ธ.ค. ที่หาดจอมเทียน เมืองพัทยา
จะเป็นอีกสนามที่ทั้งแฟนคลับและนักแข่งล้นทะลักแน่นอน
นี่แหละครับที่บอกว่า “คนไทยมีความสามารถ ไม่แพ้ใครในโลก”.
โจโจ้ซัง