บี บางปะกง
ฟุตซอลไทยลีก 2022 เปิดฉากดวลแข้งกันมาแล้ว 2 นัด และกำลังจะโม่แข้งต่อเนื่อง “แมตช์เดย์ที่ 3” ในเกมกลางสัปดาห์ พุธที่ 13 ก.ค.นี้ ทั้งหมด 7 คู่ 7 สนาม
สองแมตช์แรกที่ผ่านมา มีอยู่ 3 ทีมที่คว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งได้ทั้งหมด เก็บไปแล้ว 6 แต้มเต็ม ยึดหัวหาด “ท็อปทรี” ของตาราง
ก็คือ บลูเวฟ ชลบุรี กับ ห้องเย็นท่าข้าม แชมป์และรองแชมป์เก่า ส่วนอีกทีมเป็น ธรรมศาสตร์ สแตลเลี่ยน ที่เป็นรองแค่ประตูได้เสีย
โดยในส่วนของ “แชมป์เก่า” บลูเวฟ ชลบุรี ประเดิมแมตช์เปิดสนามด้วยการบุกไปยิงสลุต “อินทรีสีส้ม” เอ็นที เอฟซี ซะขาดลอย 7-1
ก่อนเสาร์ที่ผ่านมาจะกลับมาเปิดรังบลูเวฟ อารีน่า (ยิมเนเซียมเทศบาลเมืองชลบุรี) ไล่ถล่ม “กุ้งสายฟ้า” สุราษฎร์ธานี ผู้มาเยือน 5-0
ซึ่งก่อนเกมนัดนี้จะคิกออฟ ทีม “ฉลามโต๊ะเล็ก” ได้ทำการแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรฤดูกาล 2022 อย่างเป็นทางการ
โดยมี “บิ๊กแปม”ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานสโมสรหนุ่มไฟแรง เป็นผู้ให้รายละเอียด
สำหรับปีนี้ บลูเวฟ ชลบุรี ชูแคมเปญ “Home coming”
ต้อนรับการกลับมาเล่นที่รังเหย้า สนาม บลูเวฟ อารีน่า ของตัวเอง ซึ่งมีประวัติศาสตร์ และความทรงจำมากมายอีกครั้ง
หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาฟุตซอลไทยลีกต้องไปเตะสนามกลางใน กทม. เนื่องจากปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วทุกวงการ
พร้อมเปิดตัว “อังเดร เบีย” กุนซือคนใหม่ชาวบราซิล ที่มีโปรไฟล์การคุมทีมสโมสรใหญ่ระดับโลก ซึ่งทุกคนคงได้เห็นฝีไม้ลายมือของโค้ชแซมบ้าผู้นี้ใน 2 เกมแรกมาแล้ว...ว่าไม่ใช่ธรรมดา
โดยเฉพาะเกมรุกบุกแหลกเน้นการยิงประตูคู่แข่งเป็นหลัก ซึ่งน่าจะถูกอกถูกใจแฟนๆของบลูเวฟที่ชอบเกมเอนเตอร์เทนมากกว่าเกมแท็กติก... อย่างกุนซือคนอื่นๆที่เคยผ่านมา
ส่วนขุมกำลังมีการเปลี่ยนถ่ายดันนักเตะดาวรุ่งสายเลือดใหม่ขึ้นมาแทนรุ่นพี่ๆที่ย้ายทีมออกไป โดย “กัปตันช้าง” กฤษดา วงษ์แก้ว ยังคงเป็นแกนหลักให้รุ่นน้อง
และได้ “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ซุปเปอร์สตาร์ของทีมกลับจากค้าแข้งที่ญี่ปุ่น มายืนประจำการในแนวรุก
ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวอยู่ระหว่างพักฟื้นร่างกายจากการผ่าตัดน่าจะคัมแบ็กคืนสนามในช่วงเลกหลัง อันจะทำให้เกมบุกของ “ฉลามโต๊ะเล็ก” ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก!!
ขณะที่ผู้เล่นตัวหลักคนอื่นๆก็ล้วนคุณภาพคับแก้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ, วรศักดิ์ ศรีหรั่งไพโรจน์, วรุฒ หวังสะมะแอล, พีรพัฒน์ แก้ววิลัย ฯลฯ รวมถึงแข้งต่างชาติ อย่าง เฮลิโอ เนโต, เปลินญา
โดย “บิ๊กแปม” มั่นใจว่า ทั้งหมดนี้น่าจะชดเชยการที่เราต้องเสีย “เจ้าเหม็ด” มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ที่ย้ายไปแสวงหาความท้าทายใหม่ให้ชีวิตกับสโมสรอาชีพในยุโรป ได้อย่างหายห่วง
เผลอๆอาจจะแข็งโป๊กขึ้นด้วยซ้ำ! จากรูปแบบใหม่ๆของโค้ชอังเดร เบีย ที่นำมาถ่ายทอดให้
สำหรับเป้าหมายในฤดูกาลนี้ของสโมสร บลูเวฟ ชลบุรี มีอยู่สถานเดียวเท่านั้น คือสานต่อความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ฟุตซอลไทยลีกเป็น “สมัยที่ 12” ให้ได้...
ซึ่งจะเป็นการครองความยิ่งใหญ่ 3 ปีติดต่อกัน
ที่สำคัญยังเป็นการกลับมาชูถ้วยแชมป์ในบ้านตัวเอง...ต่อหน้าสาวกชาวชลบุรีอีกครั้ง
ให้สมกับแคมเปญ “Home coming”
ซึ่ง “Champ” ก็ต้อง “coming” ตามมาด้วย...เช่นกัน
มันถึงจะเพอร์เฟกต์!!!
บี บางปะกง