ไทยรัฐออนไลน์
พลเอก ประยุทธ์ เปิดงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น "วันกีฬาแห่งชาติ" 64 กันตพล-พาณิภัค-สุจิรัตน์-พงศกร-โปรเหมียว คว้ารางวัลนักกีฬาดีเด่น
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2564 ร่วมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยผู้บริหาร บุคลากร ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา ร่วมงาน ภายใต้มาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ที่ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อ 16 ธันวาคม 2564
สำหรับงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2564 มีการประกาศรางวัลรวม 13 ประเภท 39 รางวัล ดังนี้
1) รางวัลปูชนียบุคคลกีฬา ได้แก่ พลตรี จารึก อารีราชการัณย์ ประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ
2) รางวัลนักวิทยาศาสตร์การกีฬาผู้ทรงคุณค่า ได้แก่ ศาสตราจารย์เจริญ กระบวนรัตน์
3) รางวัลนักบริหารกีฬาผู้ทรงคุณค่า ได้แก่ นายสงวน โฆษะวินทะ นายกสมาคมกีฬายิงธนูแห่งประเทศไทย
4) รางวัลบุคลากรทางการกีฬาดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลผู้บริหารดีเด่น ได้แก่ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย รางวัลนักวิชาการดีเด่น ได้แก่ ดร. มาโนช บุตรเมือง รางวัลผู้จัดการทีมดีเด่น นายสุทิน บัวตูม ผู้จัดการทีมฟุตซอลไทยชุดทำศึกชิงแชมป์โลก 2021 และรางวัลผู้ตัดสินดีเด่น ได้แก่ นายไพรัช เรืองวิริยะชัย ผู้ตัดสินกีฬาเทเบิลเทนนิส
5) รางวัลผู้ฝึกสอนกีฬาดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลผู้ฝึกสอนนักกีฬาสมัครเล่นดีเด่น ได้แก่ นายเทศนา พันธ์วิศวาส (แบดมินตัน) รางวัลผู้ฝึกสอนนักกีฬาอาชีพดีเด่น ได้แก่ นายดุสิต เฉลิมแสน (ฟุตบอล) รางวัลผู้ฝึกสอนนักกีฬาส่วนภูมิภาคดีเด่น ได้แก่ นายศรีทัศน์ วิรัศวา (ยิงปืน จังหวัดสกลนคร) และรางวัลผู้ฝึกสอนนักกีฬาคนพิการดีเด่น ได้แก่ นายสุพรต เพ็งพรุ่ง กรีฑา (วีลแชร์เรสซิ่ง)
6) รางวัลผู้ทรงคุณค่าทางการกีฬา จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ MR. เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย
7) รางวัลประเภททีมกีฬาดีเด่น (EVENTS) และรางวัลชนิดกีฬาทีมดีเด่น (SPORTS) จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ บอคเซีย ทีม BC1-2 ชุดเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ทีมฟุตบอลคนตาบอด ชุดสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมกีฬาชนิดแรกของไทยที่ได้เข้าร่วมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ แบดมินตันคู่ผสมมือ 1 ของโลก เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย และ ฟุตซอลทีมชายชุดเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตซอลโลก 2021
8)รางวัลสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยดีเด่น จำนวน 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย รางวัลสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต
9) รางวัลนักกีฬาพิการดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลนักกีฬาพิการหญิงรองดีเด่น ได้แก่ นางสาว สายสุนีย์ จ๊ะนะ (วีลแชร์ฟันดาบ) รางวัลนักกีฬาพิการหญิงดีเด่น ได้แก่ นางสาวสุจิรัตน์ ปุกคำ (แบดมินตัน) รางวัลนักกีฬาพิการชายรองดีเด่น ได้แก่ อธิวัฒน์ แพงเหนือ (วีลแชร์เรสซิ่ง) และ รางวัลนักกีฬาพิการชายดีเด่น ได้แก่ พงศกร แปยอ (วีลแชร์เรสซิ่ง)
10) รางวัลนักกีฬามวยไทยอาชีพดีเด่น จำนวน 2 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลนักกีฬามวยไทยอาชีพรองดีเด่น ได้แก่ นายเอกรัตน์ ศรีลรินทร์ (ฉายา เพชรศิลา ว. อุรชา) และรางวัลนักกีฬามวยไทยอาชีพดีเด่น ได้แก่ นายณัฐพล แสนกล้า (ฉายา ลำน้ำมูลเล็ก ทีเด็ด 99)
11) รางวัลนักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นดีเด่น จำนวน 6 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลนักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นหญิงรองดีเด่น 2 รางวัล ได้แก่ นางสาวทิพย์สัจจา ยอดวารี (มวยสากล) กับ นางสาวศิรดา รุ่งพิบูลโสภิษฐ์ (แบดมินตัน) ส่วนรางวัลนักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นหญิงดีเด่น ตกเป็นของ นางสาวปริฉัตร กุนรา (ยกน้ำหนัก) ด้านรางวัลนักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นชายรองดีเด่น 2 รางวัล ได้แก่ นายนันทวัฒน์ สิงห์อุไร (เจ็ตสกี) กับ ม.ล. เวฆา ภาณุพันธ์ (แข่งเรือใบ) ส่วนรางวัลนักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นชายดีเด่น เป็นของ นายวีรพล วิชุมา (ยกน้ำหนัก)
12) รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ซึ่งมีจำนวน 2 รางวัล โดยรางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ตกเป็นของ “โปรเหมียว”
ปภังกร ธวัชธนกิจ นักกีฬากอล์ฟวัย 22 ปี ที่แจ้งเกิดจากการคว้าแชมป์เมเจอร์ แรก ของปี 2021 ศึกเอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น ในช่วงต้นเดือนเมษายน ก่อนพัฒนาฟอร์มการเล่น จนก้าวมาเป็นนักกอล์ฟระดับหัวแถวของแอลพีจีเอ ทัวร์ และคว้ารางวัล โรเล็กซ์ แอนนิกา เมเจอร์ อวอร์ด ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับนักกอล์ฟที่มีผลงานดีสุดในการแข่งขัน 5 เมเจอร์ของปี 2021 พร้อมกันนี้ยังคว้ารางวัลรุกกี้แห่งปี หรือ ผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปี 2021 ของแอลจีพีเอ ทัวร์ มาครองได้อีกด้วย ส่วนนักกีฬาอาชีพรองดีเด่น ตกเป็นของ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟวัย 18 ปี มือ 18 ของโลก และเจ้าของมือ 1 เลดีส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ 2021 ที่เพิ่งคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในแอลพีจีเอ ทัวร์ ฤดูกาล 2022 ได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
13) รางวัลนักกีฬาสมัครเล่นหญิงดีเด่น ได้แก่ เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด ที่พลิกสถานการณ์กลับมาชนะคู่แข่งช่วง 7 วินาทีสุดท้าย ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 รุ่น 49 กก.หญิง ซึ่งก็นับเป็นเหรียญทองเดียวของทัพนักกีฬาไทยในโตเกียวโอลิมปิก และยังเป็นเหรียญทองประวัติศาสตร์เหรียญแรกของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยด้วย โดยรางวัลนักกีฬาสมัครเล่นหญิงรองดีเด่น อีก 2 รางวัล เป็นของ เรือตรีหญิง สุดาพร สีสอนดี เจ้าของเหรียญทองแดงมวยสากลสมัครเล่นหญิงโอลิมปิกเกมส์ 2020 และ นางสาวบุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ นักแบดมินตันชุดทำศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020
ขณะที่รางวัลนักกีฬาสมัครเล่นชายดีเด่น ตกเป็นของ นายกันตภณ หวังเจริญ นักกีฬาแบดมินตัน ส่วนรางวัลนักกีฬาสมัครเล่นชายรองดีเด่น อีก 2 รางวัล เป็นของ นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดชุดทำศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 และ นายฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี นักกีฬามวยสากล ชุดทำศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 โดยในการประกาศรางวัลประจำปี 2564 ยังมีการมอบรางวัลนักกีฬาที่ได้รับรางวัลนักกีฬาดีเด่นของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ประจำปี 2564 อีกจำนวน 154 รางวัลด้วย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า การจัดงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬากีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2564 จัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลให้กับนักกีฬาไทยที่สร้างผลงานบนเวทีระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาโอลิมปิกเกมส์ พาราลิมปิกเกมส์ ชิงแชมป์เอเชีย ชิงแชมป์โลก รวมไปถึงกลุ่มนักกีฬาอาชีพ ที่ลงแข่งขัน และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในรอบปีที่ผ่านมา โดยตนเชื่อว่าทุกรางวัลที่คณะกรรมการพิจารณาได้กลั่นกรอง ก่อนจะคัดเลือก ประกาศผล และมอบให้นักกีฬาทุกคนที่ได้รับรางวัลในวันนี้ โดยทุกรางวัลถือเป็นขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนที่เสียสละ มุ่งมั่น ทุ่มเททั้งแรงกายและใจในการทำหน้าที่เพื่อชาติ โดยตนหวังว่ารางวัลนี้จะเป็นเสมือนเครื่องกระตุ้นและเตือนให้ทุกคนนั้นรักษาผลงานพร้อมกับพัฒนาตัวเองต่อไปด้วย
พลเอก ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า การจัดงานวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2564 ในวันที่ 16 ธันวาคม ยังเป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้านกีฬา ที่สำคัญยังเป็นการกระตุ้นให้ประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ให้เห็นความสำคัญ เห็นคุณค่าของการออกกำลังกายและเล่นกีฬา เพื่อดำเนินรอยตามพระยุคลบาท ซึ่งเห็นได้จากการที่การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬา และจังหวัดต่างๆ จัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาในระดับชิงแชมป์ประเทศไทยขึ้นมาในช่วงสัปดาห์วันกีฬาแห่งชาติ
“ในปีนี้ยังมีอีกหนึ่งข่าวดีของวงการกีฬาไทยด้วย นั่นคือการที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี โหวตรับรอง “มวยไทย” และสหพันธ์กีฬามวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ หรือ “อิฟม่า” ที่มีเครือข่ายกว่า 200 ชาติเป็นสมาชิกอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี โดยรัฐบาลเอง พร้อมส่งเสริมการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเราให้เป็นที่รู้จักและนิยมมากยิ่งขึ้นกว่านี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงพร้อมที่จะผลักดันให้มวยไทยเข้าบรรจุอยู่ในมหกรรมกีฬาต่างๆ ตั้งแต่มหกรรมซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ เอเชียนอินดอร์แอนด์มาเชียลอาร์ตเกมส์ รวมไปถึงแมตช์ระดับทวีปและชิงแชมป์โลก เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การบรรจุเข้าชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์อย่างเร็วที่สุด ก็คือในปี 2028 ที่สหรัฐอเมริกา” พลเอก ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับการคัดเลือกนักกีฬาในรางวัลสาขาต่างๆ นั้น พิจารณาจากผลงานของแต่ละบุคคลและทีมกีฬาในรอบปีนั้นๆ รวมไปถึงการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชน ความทุ่มเท มุ่งมั่น ขยันฝึกซ้อมและมีวินัย ซึ่งตนขอแสดงความยินดีกับนักกีฬา และบุคลากรกีฬาที่ได้รับรางวัลประจำปีนี้ด้วย
“นอกเหนือจากงานมอบรางวัลปีนี้ ยังมีการจัดงานสัปดาห์วันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2564 ซึ่งรูปแบบการจัดงานวันกีฬาแห่งชาติ และกิจกรรมของทั้ง 13 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยนั้น ได้จัดเต็มในรูปแบบภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 และคอนเซปต์ “กิจกรรมกีฬาสีขาว” ที่นำร่องเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมแบบรักษาความสะอาด รวมถึงสะดวก ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกิจกรรมกีฬาสีขาวนี้ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้ กกท. เป็นหน่วยงานหลักในการรณรงค์และผลักดันกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ให้จัดแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” นายพิพัฒน์ กล่าวปิดท้าย