หน้าแรกแกลเลอรี่

"บิ๊กฮง" เคลียร์กระแสโซเชียล เหตุ "เอฟ นครนายก" ต้องต่อแต้มคู่แข่ง

ไทยรัฐออนไลน์

2 ธ.ค. 2564 16:40 น.

"บิ๊กฮง" นายกสอยคิวไทยเคลียร์กระแสโซเชียล ถึงสาเหตุที่ "เอฟ นครนายก" เทพไชยา อุ่นหนู จอมคิวอาชีพโลก ต้องมีแต้มต่อให้กับคู่แข่ง ในศึกชิงแชมป์ประเทศไทย

นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย กล่าวหลังการมอบเกียรติบัตร ให้ผู้ฝึกสอนกีฬาสนุกเกอร์ระดับนานาชาติ และการอบรมผู้ตัดสินกีฬาสนุกเกอร์ระดับนานาชาติ ถึงเรื่องกระแสการมีแต้มต่อของนักสนุกเกอร์มืออาชีพโลก ในการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยปีนี้

ซึ่ง “บิ๊กฮง” กล่าวว่า จากการที่ได้อ่านคอมเมนต์ต่างๆ จากแฟนสนุกเกอร์จำนวนมาก ที่เห็นต่างจากสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย จึงอยากอธิบายให้แฟนสนุกเกอร์ให้เข้าใจว่า เดิมทีการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์ประเทศไทย จะห้ามนักสนุกเกอร์อาชีพของโลกลงแข่งขัน เพราะมืออาชีพระดับโลก กับรายการอาชีพของไทย มาตรฐานห่างกันมาก ซึ่งถ้านักกีฬาระดับโลกจะมาร่วมการแข่งขัน จะต้องทำการแข่งขันตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบ 128 คนสุดท้าย โดยจะต้องเจอนักสนุ้กที่มืออ่อนกว่ามากพอสมควร

ซึ่งถ้าถามนักกีฬาจำนวนมาก ก็จะตอบว่ามือมันห่างกันมาก แข่งไปยังไงก็แพ้ ทำให้บ่นกับสมาคมฯ ว่า ไม่ควรให้มืออาชีพโลกมาเล่นกับนักสนุกเกอร์กึ่งอาชีพไทย และที่สำคัญที่ผ่านมา รายการชิงแชมป์ประเทศไทย จะเป็นช่วงเวลาตรงกับการเล่นอาชีพโลก กฎการห้ามนักสนุกระดับโลกไม่ให้ลงแข่งขัน จึงค่อนข้างลงตัว

"มาถึงในยุคที่ผมเป็นนายกสมาคมฯ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมอยากให้การแข่งขันรายการชิงแชมป์ประเทศไทย มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่ดี ที่ในปีนั้น รายการชิงแชมป์ประเทศไทย ได้จัดช่วงที่นักสนุ้กอาชีพโลกชาวไทยทั้ง 3 คน ไม่ว่าจะเป็น เอฟ นครนายก, หมู ปากน้ำ และ ซันนี่ อาร์แบค เดินทางกลับมาจากการเล่นสนุ้กอาชีพที่อังกฤษ ผมจึงอยากให้การแข่งขันมีสีสัน จึงได้หารือกับ "คิวทอง" ศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายก และคณะกรรมการบริหารสมาคม ซึ่งมีการคุยกันทุกมิติเพื่อหาจุดลงตัวให้นักกีฬาอาชีพได้ลงแข่งขันได้ ในแบบที่ถ้าชนะก็ไม่น่าเกลียด หรือถ้าแพ้ก็ไม่เสียหาย จึงได้ข้อสรุปว่า ให้นักสนุ้กอาชีพโลกลงแข่งขันได้”

“แต่ทั้งนี้ต้องมีแต้มต่อ 7 แต้ม เพื่อไม่ให้ได้เปรียบ เสียเปรียบกันมาก และถ้าให้ผู้มีประสบการณ์ในวงการสอยคิวมาวิเคราะห์กันแล้ว ถ้ามืออาชีพโลกมาเจอมืออาชีพไทย การต่อ 7 แต้ม ถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ แต่จะให้ต่อมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้ การต่อ 7 แต้มทุกเฟรมจึงน่าจะเป็นจุดที่ลงตัวที่สุด เพราะถ้าไม่มีแต้มต่อ นักกีฬาคนอื่นๆ จะมาต่อว่าสมาคมฯ ได้อีก"

"และที่สำคัญ ถ้าเกิดวันนั้นนักกีฬาอาชีพแทงไม่ดีแพ้ขึ้นมา ก็จะเสียหน้ากันไปใหญ่ การมีแต้มต่อถือว่าดีกับทุกฝ่าย เพื่อความคึกคักของวงการสอยคิวไทย นักสนุ้กอาชีพโลกก็ได้ลงแข่งขัน แฟนสนุ้กก็ได้ชมนักกีฬาที่ตัวเองชื่นชอบ โดยการที่จัดให้มีแต้มต่อ 7 แต้ม เกิดขึ้นมาตั้งแต่การแข่งขันไทยแลนด์แร็งกิ้ง เซอร์กิต ทุกรายการมา 3 ปีแล้ว ซึ่งมืออาชีพโลกที่ได้ลงแข่งขันตั้งแต่รอบไวล์การ์ด ยังสามารถคว้าแชมป์ได้ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ ในสิ่งที่สมาคมฯ ทำทุกอย่างเพื่อให้วงการมันดีขึ้น" นายสุนทร กล่าว.