จ๊อกกิ้งบอย
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเขียนคอลัมน์ “วิ่งรอบโลกปั่นทั่วไทย” ในกราวกีฬาไทยรัฐ ถึงงานวิ่งมาราธอนรายการใหญ่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นมาภายหลังจากที่เราเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบเรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น “เมืองไทย เชียงใหม่ มาราธอน 2021” ที่จะประลองความอึดกัน ในเดือนหน้า 19 ธ.ค. เพื่อเป็นการส่งท้ายปีฉลูที่ใกล้จะอำลาจากไป
ขณะที่ปฏิทินวิ่งของศักราชใหม่ 2565 เท่าที่ลองเช็กดูคร่าวๆตอนนี้ มาราธอนแรกของปีน่าจะเป็น “สวนผึ้งมาราธอนภูเขานานาชาติ” ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในวันที่ 9 ม.ค.
ตามด้วยมาราธอนประเพณีที่เป็นตำนานอันเข้มขลัง (ที่สุด) ของเมืองไทย “สสส.จอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 36” ที่เลื่อนยาวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนครบรอบ 1 ปีเต็มและกำหนดคัมแบ็กกลับมาจัดกันอีกครั้ง ในวันที่ 15-16 ม.ค.65
ถัดมาอีกสัปดาห์ก็จะเป็นคิวของงานใหญ่ที่ยกระดับไปสู่ สนามวิ่ง “เวิลด์คลาส” อย่างรวดเร็ว ทั้งที่ผ่านการจัดกันมาเพียง 5 ปีเท่านั้น
นั่นก็คือ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2022” มาราธอนงานแรกและงานเดียวของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ WORLD ATHLETICS ROAD RACE ให้เป็น มาราธอนเหรียญเงินของโลก SILVER LABEL
โดยครั้งนี้เลื่อนการแข่งขันมาจัดเร็วขึ้นในวันที่ 22 ม.ค.65 เพื่อให้นักวิ่งได้สัมผัสอากาศที่เย็นสบายของทางอีสานใต้
และเป็นการวิ่งยามค่ำคืนในรูปแบบ Night Run (ไนต์ รัน) ที่สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต และสนามฟุตบอล ช้าง อารีนา แลนด์มาร์กที่สำคัญของ จ.บุรีรัมย์
ส่วนอีกหนึ่งงานบิ๊กที่เลื่อนยาวข้ามปีมาเช่นกัน สำหรับวิ่งผ่าเมือง “อะเมซซิ่งไทยแลนด์มาราธอน 2021” หรือ ATM 2021 ก็ตกลงเลื่อนมาจัดกันใน วันที่ 26 และ 27 ก.พ.65 ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาคือสนามวิ่งมาราธอนที่ปอดเหล็ก (ตัวจริง) ไม่สมควรจะพลาดด้วยประการทั้งปวง
โดยแต่ละงานได้รับการคอนเฟิร์ม 100 เปอร์เซ็นต์จากทางผู้จัดหมดแล้วว่าได้วิ่งกันตามกำหนดที่แจ้งมา อย่างแน่นอน
ยกเว้นงานเดียวที่ล็อกวันไว้แล้ว แต่ยังไม่มีผู้รับผิดชอบคนใดออกมายืนยันให้นักวิ่งได้อุ่นใจกันเลยว่างานจะไม่ถูกเลื่อนออกไปเป็นรอบที่ 3 อีกแล้ว
สำหรับ “จอมบึงมาราธอน” งานวิ่งของชาวบ้านแต่มาตรฐานสากลที่สร้างชื่อให้ “มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง” มาอย่างยาวนานจนใกล้จะ 4 ทศวรรษในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทั้งที่อดีตที่ผ่านมางานวิ่งที่จอมบึงจะถูกโปรโมตล่วงหน้ากันเป็นปีๆ เรียกว่าสีสันความคึกคักของบรรยากาศต่างๆเป็นที่พูดถึงทั้งนักวิ่งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ต่างตั้งปณิธานไว้ว่า “ปีทั้งปีไม่ได้ไปวิ่งที่ไหนไม่เป็นไร แต่ช่วงหลังปีใหม่ต้องได้มาเจอกันที่จอมบึง ปีละครั้งก็ยังดี”
อย่างผมเองก็ถือเป็น FC แฟนพันธุ์แท้คนหนึ่ง ของสนามวิ่งจอมบึงที่ได้มาสัมผัสครั้งแรกเมื่อปี 2534 สมัยตัวเองยังเป็นหนุ่มกระทงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยอยู่เลย
ตอนนั้นยังเป็น “จอมบึงครึ่งมาราธอน” ที่สุดแสนคลาสสิกและอบอุ่นจากน้ำใจไมตรีของนักศึกษาและชาวบ้านอำเภอเล็กๆของราชบุรีแห่งนี้ จนต่อมาการแข่งขันเติบใหญ่กลายเป็น “จอมบึงมาราธอน” ที่นักวิ่งทุกคนใฝ่ฝันจะ ต้องมาร่วมวิ่งให้ได้สักครั้งในชีวิตไม่อย่างนั้นถือว่าคุณไม่ได้เป็น “นักวิ่งตัวจริง”
สำหรับผมแล้ว รู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้เป็นฟันเฟืองของงานวิ่งมาราธอนอันเป็นตำนานแห่งนี้มาโดยตลอด ทั้งในบทบาทนักวิ่งที่ผ่านการลงสนามมาแล้วหลายครั้ง
หรือในบทบาทของ “สื่อมวลชน” ที่ได้ทำหน้าที่โปรโมตและเขียนถึงแง่มุมต่างๆของจอมบึงมาราธอนเสมอมาไม่เคยขาด
ใครจะมองสนามวิ่ง “จอมบึงมาราธอน” เป็นแบบไหน อย่างไร ผมไม่รู้หรอก
รู้แต่ว่าถ้าคุณได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง แห่งนี้แล้วละก็จงตระหนักถึงคุณค่า ความยิ่งใหญ่ ของสิ่งที่คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเขาเคยสร้างกันมาด้วยจิตวิญญาณและความ Respect ด้วยเถิดครับ
แล้วจะรู้คำตอบเองว่า “มาราธอนที่ทุกคนรอคอย” นั้นเป็นอย่างไร?
จ๊อกกิ้งบอย