หน้าแรกแกลเลอรี่

ขุนศึก กกท.

บี บางปะกง

24 ก.ย. 2564 04:20 น.

วันที่ 30 กันยายนของทุกปีจะเป็นวันเกษียณอายุราชการของข้าราชการแลtพนักงานของรัฐสำหรับองค์กรทางการกีฬาระดับชาติอย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย

ปีนี้ก็จะมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองผู้ว่าการกันอีกครั้ง

ทั้งนี้ การผลัดใบหรือการปรับเปลี่ยนสืบเนื่องมาจากรองผู้ว่าการเกษียณอายุจำนวน 2 ท่าน ประกอบด้วย พันโทรุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ ตามด้วย ดร.ราเชลล์ ได้ผลธัญญา รองผู้ว่าการฝ่ายส่งเสริมกีฬา

ตามระเบียบการบริหารจัดการเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงก็จำเป็นที่ต้องมีการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติครบตามที่กำหนดเข้ารับการสรรหา ซึ่งขณะนี้ทราบว่าขั้นตอนการสรรหาได้ดำเนินการด้วยการประกาศรับสมัครผู้มีความเหมาะสมเข้ารับตำแหน่งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่น่าสนใจสำหรับ กกท.ทุกครั้งที่มีการสรรหาตำแหน่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นจอมทัพในตำแหน่งผู้ว่าการ หรือแม้กระทั่งขุนศึกในตำแหน่งรองๆลงไปจะพบว่าองค์กรกีฬาระดับชาติย่านหัวหมาก พนักงานจะตื่นตัวและคึกคักเป็นพิเศษเพื่อลุ้นว่าใครจะเข้าตาและโดนใจกรรมการสรรหามากที่สุด

ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันเมื่อตำแหน่งผู้บริหารระดับ 10 หรือรองผู้ว่าการว่างลง ทำให้ผู้บริหารระดับ 9 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายหรือสำนักที่เห็นว่าตนเองมีคุณสมบัติพร้อมที่เข้ามาเป็นพลังร่วมสำหรับการขับเคลื่อนการบริหารจัดการการกีฬาของประเทศจึงอาสาสมัครเข้ารับการสรรหาถึง 9 ราย

สำหรับผู้ที่หาญกล้าลงชิงชัยในตำแหน่งขุนศึกเท่าที่ทราบจากแหล่งข่าวภายในประกอบด้วย นายปรีชา ลาลุน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ นายประชุม บุญเทียม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาภูมิภาค นพ.มีชัย อินวู๊ด ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา นายก้องภพ โพธิสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ

นายวิบูณ จำปาเงิน ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล นายธัชนาถ ทองประกอบ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน นายสมพร ไชยสงคราม ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา และ นายจินดา เดชภิมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมกีฬา

อย่างไรก็ตาม เมื่อส่องลงไปดูในรายชื่อผู้เสนอตัวในครั้งนี้จะพบว่าบางท่านเคยเข้าสู่กระบวนการสรรหารองผู้ว่าการไปก่อนหน้านี้ตามที่มีการปรับโครงสร้างใหม่ในตำแหน่งรองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย และรองผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และในครั้งนี้ยังไม่ถอดใจพร้อมที่สู้ต่อ

จากนี้ไปเมื่อคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาคุณสมบัติและประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการแล้ว จำเป็นอยู่เองที่ผู้สมัครทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ซึ่งหากจะเปรียบกับการเป็นนักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน คงจะขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีพลังความสามารถมากกว่ากัน

สำหรับพลังที่ว่านี้คงจะมีหลายภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังของความแข็งแกร่งที่มาจากตนเอง หรือ มาจากแรงเสริมภายนอกก็ตาม ที่สำคัญในระหว่างนี้ผู้สมัครก็เปรียบเสมือนนักกีฬาที่จะลงสนามสู้ศึกการแข่งขันจึงต้องมีการเตรียมตนเองให้พร้อมที่สุดภายใต้วิถีพุทธ “ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน” คงจะดีที่สุด

การจะทำให้โดนใจและตอบโจทย์กรรมการสรรหาหรือไม่องค์ประกอบที่สำคัญคือ วิสัยทัศน์ ความรู้ความสามารถ ประวัติ และผลงานรวมทั้งการสอบภาษาอังกฤษนั่นคือการบ้านของผู้สมัคร

แต่เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับตำแหน่งรองผู้ว่าการ ซึ่งเปรียบเสมือนขุนศึกที่จะต้องเดินเคียงข้างไปกับจอมทัพ หรือผู้ว่าการด้วยแล้ว ต้องยอมรับตำแหน่งนี้มีความสำคัญยิ่ง
ฉะนั้น นอกจากผู้อาสาเข้ามาจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและความเหมาะสำหรับการบริหารจัดการและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพทันต่อการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในศตวรรษที่ 21 ที่เข้าตากรรมการแล้วก็ตาม

ดังนั้น ถ้าหากจะให้ได้คนที่เหมาะกับงานหากเปิดโอกาสให้ผู้ว่าการในฐานะบอสใหญ่ขององค์กรมีส่วนในการเคาะและเลือกเฟ้นด้วยก็น่าจะดี

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้ที่เล่นดนตรีในคีย์เดียวกัน หรือถ้าจะเป็นแมวก็ขอให้จับหนูได้เป็นพอ

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

OOOOOOOO

กีฬาชาติจะก้าวไปข้างหน้า ถ้าเราได้ผู้บริหารที่มีความรู้ ความสามารถ

และมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรให้มีประสิทธิภาพ (จริง) มาทำงานตำแหน่ง รองผู้ว่าการ กกท. ก็เช่นเดียวกันครับ

สุดท้ายแล้วจะเป็นใครที่สมหวังคว้าเก้าอี้นี้ไป

มันมองได้ถึงอนาคตอะไรหลายๆอย่าง...เลยเชียวล่ะ!!!

บี บางปะกง