หน้าแรกแกลเลอรี่

มีให้ดูรึเปล่า

เบี้ยหงาย

17 ส.ค. 2564 05:01 น.

ขยับเข้าใกล้มาทุกที มหกรรมกีฬาคนพิการ “พาราลิมปิกเกมส์” ครั้งที่ 16 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 24 ส.ค. ถึง 5 ก.ย.นี้ ถือเป็นการรับช่วงต่อจากกีฬาโอลิมปิกที่จบลงไปไม่นาน ตอนนี้นักกีฬาไทยเรา ก็เริ่มทยอยเดินทางเข้าสู่กรุงโตเกียวกันแล้ว

นักกีฬาไทยเรากับพาราลิมปิกเกมส์นั้น นับว่ามีผลงานโดดเด่นทีเดียว ทั่วโลกก็ยอมรับ เก็บเหรียญสร้างชื่อให้กับประเทศชาติมาโดยตลอด หลังสุดที่ริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี 2016 ก็ถือว่าสุดยอด ได้มาเลขสวยเสียด้วย 6 เหรียญทอง, 6 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง

ครั้งนี้ทัพนักกีฬาคนพิการไทยก็ถือว่าได้สิทธิ์ไปแข่งขันมากที่สุดเท่าที่เคยส่งไป คือ 74 คน ใน 14 ชนิดกีฬา มี กรีฑา, ยิงปืน, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, วีลแชร์เทนนิส, ยิงธนู, ฟุตบอลคนตาบอด 5 คน, ยูโดคนตาบอด, ฟันดาบ, ยกน้ำหนัก, บอคเซีย, แบดมินตัน, จักรยาน และเทควันโด

และต้องนับว่ามีการเตรียมตัวกันอย่างยาวนานมากกว่าทุกครั้ง บางกีฬาซ้อมกันมาถึง 4 ปีเต็มๆ ก็เนื่องจากมีการเลื่อนแข่งขันจากวิกฤติโควิด-19 ความพร้อม และความมุ่งมั่นน่าจะมากกว่าปกติแน่นอน!

แต่เป้าหมายที่ประเมินกันไว้ ก็ไม่ได้ตั้งไว้แบบโอเวอร์อะไร หวังกันอยู่ที่ 4-6 เหรียญทอง ส่วนของจริงจะมากกว่าได้หรือไม่ก็ต้องรอติดตาม

โดยกีฬาที่เป็นความหวังอันดับ 1 และเชียร์สนุกเหลือหลายก็ไม่พ้นวีลแชร์เรซซิ่งที่เป็นชนิดกีฬาย่อยของกีฬากรีฑา ซุปเปอร์สตาร์จากครั้งก่อน พงศกร แปยอ กับ ประวัติ วะโฮรัมย์ ที่ทำไปคนละ 2 เหรียญทอง ยังคงเดินหน้าล่าเหรียญกันอีกครั้ง แถมมีดาวรุ่งพุ่งขึ้นมาอย่าง อธิวัฒน์ แพงเหนือ ที่เพิ่งทำลายสถิติพาราลิมปิกเกมส์มาได้จากการแข่งขันเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อเดือน มี.ค.

ยังมีความหวังระดับสูงอีกจากกีฬาเทเบิล-เทนนิส, ฟันดาบ, บอคเซีย และแบดมินตัน ส่งแรงเชียร์ไปให้เหล่าฮีโร่ของพวกเรากันได้

แต่ที่ยังน่ากังวล และดูจะยังไม่มีความชัดเจน ก็เรื่องของการถ่ายทอดสดกลับมาให้ชาวไทยได้ชื่นชมความมุ่งมั่นของพวกเราในด่านหน้า

แม้ว่าลิขสิทธิ์ของกีฬาพาราลิมปิกเกมส์จะรวมอยู่ในก้อนเดียวกับกีฬาโอลิมปิกโตเกียว ซึ่งครั้งนี้ภาครัฐโดยผ่านทางการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะเป็นผู้ลงขันกันคนละครึ่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อจ่ายเงินก้อนนี้ทั้งหมดและให้เอกชนเข้ามาบริหารสิทธิ์

เท่ากับว่าจ่ายไปเรียบร้อย ไม่ว่าจะถ่ายทอดสด หรือไม่ รวมทั้งจะถ่ายมากกีฬาหรือน้อยกีฬา รวมทั้งจะเอาแค่เป็นเทปมาออกอากาศก็ตาม

ก็ต้องรอวัดใจกันว่าเราๆท่านๆจะได้ดูกันขนาดไหน และรวมถึงเหล่านักกีฬาของเราจะได้เชื่อมต่อกับด่านหลังในเมืองไทยผ่านจอกันแบบสดๆหรือไม่ แล้วแต่ท่านที่เกี่ยวข้องทั้งหลายจะพิจารณากัน ซึ่งก็น่าห่วงอยู่เหมือนกัน ระวังจะถูกเอาไปเปรียบเทียบกับโอลิมปิกมันจะไม่ดี!

แต่ถ้าเอาชัวร์ก่อน ก็มีผ่านทาง “เอไอเอสเพลย์” นี่แหละ ซึ่งได้ลิขสิทธิ์ในแบบเดียวกับที่เคยถ่ายสดโอลิมปิกมาแล้ว ดูกันได้เต็มอิ่มแน่นอน...

“เบี้ยหงาย”