หน้าแรกแกลเลอรี่

ความสูญเสีย!!

บี บางปะกง

2 ก.ค. 2564 06:00 น.

คอลัมน์ ‘Sport Insider’ วันนี้.. ขออนุญาตเลี้ยวออกนอกสนามกีฬา ไปบ่นเรื่องราวข่าวสารบ้านเมืองกันสักวันเถอะครับ

เพราะช่วงนี้ตื่นเช้าขึ้นมา ก็ต้องสะดุ้งผางกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก และคนเสียชีวิต จากมหันตภัยไวรัสโควิด-19

ที่ดูจะหนักข้อขึ้นทุกวัน และไม่มีทีท่าว่าเมื่อไหร่ กราฟเหล่านี้จะปักหัวลงสักกะที

ผมอยู่ในช่วงอายุสี่สิบปลายๆ เกิดไม่ทันห้วงเวลาของ "สงครามโลก" ที่สร้างความบอบช้ำให้กับผู้คนทุกชาติ ทุกภาษา ในยุคนั้นหรอกครับ

แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้ จะได้เห็น ได้รับรู้ถึงความเสียหาย ที่พังกันเป็นแถบๆ ยิ่งกว่ามหาสงครามครั้งไหนทั้งนั้น

นั่นคือ “สงครามโรค” (ร้าย) ที่กำลังเป็นหายนะของโลกใบนี้ ซึ่งพวกเรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง!!

เจ้าโควิดเฮงซวย มันทำลายล้างทุกอย่างจริงๆ ครับ

ทำลายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ และทำลายทุกความหวัง ให้แหลกเป็นจุณไปต่อหน้าต่อตา แบบไม่มีปรานีใคร

ความสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้น มันล้อมรอบตัวเราไปหมดแล้ว

อย่างพี่ชาย ที่ผมเคารพรัก คือ “พี่เป็ด เชิญยิ้ม” ดร.ธัญญา โพธิ์วิจิตร อดีตสภาลูกหนังคนดัง

ที่เพิ่งสูญเสียมารดาบังเกิดเกล้า ‘คุณแม่วิจิตร โพธิ์วิจิตร’ ซึ่งจากโลกนี้ไป ด้วยพิษร้ายของโควิด อย่างไม่ได้รำ่ลา

ใครที่ได้ดูบทสัมภาษณ์อันปวดร้าวของ พี่เป็ด ผ่านทางไทยรัฐทีวีเมื่อวันก่อน เชื่อว่าต้องนำ้ตาร่วงตามแกอย่างแน่นอน

ปกติแล้ว พี่เป็ดเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย ตามสไตล์ศิลปินตลกรุ่นใหญ่ใจดี ที่มีคนนับถือทั้งวงการ

แต่เหตุการณ์สุดเศร้าที่เกิดขึ้นกับครอบครัวโพธ์ิวิจิตรในครั้งนี้ มันช่างโศกสลด และยังความเสียใจมาสู่ลูกหลานทุกคน อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

พี่เป็ดเปิดเผยกับทีมข่าวทั้งนำ้ตาว่า จริงๆ แล้วเสียใจมากที่คุณแม่จากไปกะทันหัน แต่ก็ยังพอทำใจได้ เพราะท่านอายุจะ 90 แล้ว ใช้ชีวิตบนโลกนี้คุ้มแสนคุ้ม

เพียงแต่เศร้าใจที่สุด ที่แม่มาโดนโควิดเล่นงานอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เราเฝ้าระวังอย่างเต็มที่แล้ว แต่แกก็โชคร้ายมาพลาดติดเชื้อจากคนใกล้ตัวเข้าจนได้

และในวันที่แม่จากไป อย่าว่าแต่ได้ดูใจกันเลย แม้แต่จะเห็นหน้ากันครั้งสุดท้ายในชีวิต ยังไม่มีโอกาส

โรคนี้มันช่างโหดร้าย และทรมานความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียอย่างอธิบายไม่ถูกเลยจริงๆ

ไม่เกิดขึ้นกับตัวใคร คงไม่รู้หรอกว่า ‘หัวใจมันแตกสลาย’ สักแค่ไหน?

ซึ่งนอกจากแม่พี่เป็ดจะหมดลมหายใจไปแล้ว คุณพ่อของแกในวัย 94 ปี ก็โดนโควิดเล่นงาน ต้องนอนรักษาตัวในไอซียู อยู่ ณ เวลานี้ด้วย

นี่เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่ง ของคราบนำ้ตาของผู้สูญเสียในสังคมนี้

ซึ่งยังมีอีกมากมายเหลือคณานับ ทั้งที่ปรากฏเป็นข่าว และไม่ได้เป็นข่าว เยอะแยะไปหมด

ฝากถามไปถึงผู้ที่มีอำนาจวาสนา บารมีในบ้านเมืองของเรา ว่าตอนนี้ท่านกำลังทำอะไรกันอยู่

ท่านอวดอ้างสรรพคุณว่า แนวทางแก้ปัญหาของตัวเอง มันดีเลิศประเสริฐศรี และต้องใช้ได้ผลกับผู้คนในประเทศแน่ๆ

ตาท่านบอด หูท่านหนวก หรืออย่างไร? ถึงไม่ได้ยินเสียงร่ำไห้ของประชาชนที่ดังอื้ออึงอยู่รอบๆ ตัว

จะบอกให้ตอนนี้คนที่เคยรัก เคยเชียร์ เป็นกำลังใจให้ท่าน เขาเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิด กันไปหมดแล้ว

อย่าดื้อด้าน ดึงดัน คิดว่าตัวเองเป็น “ฮีโร่” ของประเทศชาติอยู่อีกเลย

โควิดมันได้เปิดกะโหลกให้ได้เห็นแล้วว่า ประสิทธิภาพการบริหารงานของแต่ละคน มันเป็นแบบไหน ยังไง?

ถ้าไม่ไหว อย่าฝืนบอกว่าไหว แล้วลากให้คนอื่นลงหุบลงเหวไปด้วย... ซึ่งมันทุเรศทุรังสิ้นดี

เมืองไทย ไม่ใช่สมบัติของใคร คนใดคนหนึ่ง อย่าคิดว่าไม่มีข้าแล้ว คนอื่นเขาจะทำอะไรไม่ได้

ละวางกิเลสส่วนตัว ลองปล่อยมือ แล้วถอยฉากออกมาสิครับ

บางที..นั่นอาจทำให้ “ความสูญเสีย” ที่กำลังเกิดขึ้นทุกหัวระแหง

ลดน้อยถอยลง.. อย่างน่าอัศจรรย์ใจบ้าง ก็ได้นา!!!



บี บางปะกง