หน้าแรกแกลเลอรี่

ยิ่งวิ่งยิ่งอ้วน

พาวเวอร์บอมบ์

17 ก.พ. 2564 05:01 น.

เว็บไซต์ www.vrunvride.com โพสต์บทความซึ่งเป็นปัญหาของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่ความคาดหวังมักจะมาไวเสมอ ลองอ่าน และทำความเข้าใจกันดูครับ5 พฤติกรรมที่ทำให้การวิ่งลดน้ำหนักไม่ได้ผล

การวิ่งเป็นวิธีออกกำลังกายที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน แต่ทำไมหลายคนกลับไม่เห็นผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักจากการวิ่งอย่างที่คาดหวังไว้

Heather Milton, MS, หัวหน้างานสรีรวิทยาการออกกำลังกายที่ Sports Performance Center ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับ 5 พฤติกรรมที่ทำให้การวิ่งลดน้ำหนักไม่ได้ผล พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก

1.กินอาหารมากกว่าแคลอรีที่เผาผลาญไป

เมื่อคุณวิ่งร่างกายจะเผาผลาญแคลอรีเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็จะทำให้คุณรู้สึกหิวมากด้วยเช่นกัน และมันอาจนำไปสู่การกินที่มากเกินไป จนส่งผลให้ปริมาณแคลอรีที่ร่างกายเผาผลาญไป กับแคลอรีจากอาหารที่รับเข้าไปใหม่ ไม่สมดุล! นั่นคือสาเหตุที่ทำให้วิ่งเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่ลดสักที

แน่นอนว่าการเติมพลังงานก่อนวิ่ง ระหว่างวิ่ง และหลังวิ่ง เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นอย่าข้ามมื้ออาหารหรือของว่างที่จำเป็น แต่ให้เลือกกินอย่างถูกวิธี โดยก่อนวิ่งให้เลือกทานเป็นของว่างเบาๆ เช่น กล้วย ขนมปังโฮลเกรน ส่วนหลังการวิ่งให้เติมเต็มความหิวด้วยโยเกิร์ตใส่ผลไม้ สมูทตี้ โปรตีน และในมื้ออาหารให้เน้นการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารสูง เช่น ผักและผลไม้ นม โปรตีนไม่ติดมัน (เช่น ไก่และปลา) และธัญพืช (เช่น ข้าวกล้อง หรือขนมปังโฮลวีต)

2.วิ่งด้วยความเร็วหรือระยะเวลาเท่าเดิม

“การวิ่งอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วคงที่ หมายถึง การเผาผลาญแคลอรีที่ช้าและคงที่ด้วยเช่นกัน” คุณอาจสังเกตเห็นว่าน้ำหนักลดลงบ้างเมื่อเริ่มโปรแกรมการฝึกวิ่งในช่วงแรก แต่เมื่อฝึกไปสักระยะหนึ่งร่างกายของคุณจะเคยชินกับจังหวะการวิ่งนั้น หรือเคยชินกับระยะเวลาในการวิ่ง ทำให้การลดน้ำหนักไม่ต่อเนื่องและไม่ได้ผลเท่าที่ควร

คำแนะนำคือ เมื่อคุณวิ่งแบบเดิมต่อเนื่องเป็นเวลานานมากกว่าสี่ครั้ง ให้ลองเริ่มผสมผสานรูปแบบการวิ่งอื่นๆเข้าไปด้วย โดยอาจจะเพิ่ม interval run หรือ hill running สัปดาห์ละครั้ง แต่ให้เพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป และคอยสังเกตร่างกายตัวเองด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ

3.ไม่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกาย

การวิ่งเป็นวิธีที่ดีในการลดน้ำหนักก็จริง แต่การออกกำลังกายที่สมดุลจะช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น และช่วยหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บด้วย แม้ว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างการวิ่ง จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดี แต่การฝึกความแข็งแกร่งก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณสร้างกล้ามเนื้อและช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้เร็วขึ้น ให้จัดโปรแกรมการวิ่งสลับกับการฝึก strength training สองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์ ลองวิ่ง 1 วัน สลับกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในวันถัดไป

4.ไม่มีวันพักฟื้นร่างกาย

การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมการการลดน้ำหนัก แต่การพักฟื้นร่างกายก็มีความสำคัญพอกัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณจะได้พักผ่อนและได้รับการเยียวยาจากการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและลดการอักเสบ

โดยการพักเพื่อฟื้นตัวในที่นี้หมายถึง การนอนหลับให้เพียงพอ การรักษาระดับความชุ่มชื้น และการเติมพลังงานให้ร่างกายอย่างเหมาะสม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักและมีผลต่อกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีด้วย

5.คุณมีน้ำหนักตัวที่ดีอยู่แล้ว

หากคุณมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่ดีอยู่แล้ว คุณอาจพบว่าการลดน้ำหนัก (โดยเฉพาะการลดไขมัน) ทำได้ยาก เพราะในความเป็นจริงไขมันในร่างกายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับกระบวนการที่สำคัญ เช่น การควบคุมฮอร์โมนและการรักษาสภาวะสมดุล รวมถึงกลไกการอยู่รอดขั้นพื้นฐาน เช่น อุณหภูมิของร่างกายและระดับสารเคมี นอกจากนี้ ไขมันยังทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะของคุณและรองรับข้อต่อต่างๆ

หากกระบวนการในร่างกายมองว่า ปริมาณไขมันในร่างกาย ณ ปัจจุบันเพียงพอแล้ว ร่างกายก็อาจปรับอัตราการเผาผลาญเพื่อ “ประหยัดการสูญเสียพลังงานและรักษามวลกาย” ซึ่งจะส่งผลให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ช้าหรือหยุดไปชั่วคราว.

พาวเวอร์บอมบ์