หน้าแรกแกลเลอรี่

ได้หรือเสีย

เบี้ยหงาย

11 ก.พ. 2564 05:01 น.

วันก่อนการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย ผู้ว่าการ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ได้ ลงนามเซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกรองผู้ว่าการการกีฬาแห่ง ประเทศไทย ขึ้นมาชุดหนึ่ง ซึ่งมี พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ ประธานอนุกรรมการที่ปรึกษาผู้ว่าการ กกท.เป็นประธาน

ทั้งนี้ ก็สืบเนื่องจากการที่ กกท.จะต้องมีรองผู้ว่าการ 2 คน เข้ามาทำงาน ด้วย 1 ตำแหน่ง ว่างลง ก็เพราะ “รองตูน” ณัฐวุฒิ เรืองเวส อดีตรองผู้ว่าการ กกท.ลาออกไป และอีก 1 เป็นการเพิ่มตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มขึ้นมาตามที่บอร์ดการกีฬาฯมีมติเห็นชอบ

ประธานกรรมการที่ตั้งขึ้นมานี้ ก็เป็นประธานที่ปรึกษาของ ผู้ว่าการ กกท. นั่นแหละ ส่วนกรรมการมีรองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายบริหาร วิษณุ ไล่ชะพิษ เป็นกรรมการร่วมกับคนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอก ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และกรมพลศึกษา

ซึ่งกรรมการชุดนี้จะพิจารณาคัดเลือกผู้อำนวยการฝ่าย (ระดับ 8) ทั้ง 13 ฝ่ายที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และต้องดำรงตำแหน่ง ผอ.ฝ่ายมาไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยจะมีกระบวนการคัดเลือกและเมื่อได้ตัวมาก็เสนอให้ผู้ว่าการ กกท. ซึ่งเป็นเลขาคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) โดยตำแหน่ง พิจารณาความเหมาะสมแล้วเมื่อเห็นด้วยก็จะนำเข้าสู่บอร์ดเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

อ่านก็ดี ฟังก็ดี รู้สึกว่าภาพลักษณ์จะสวยหรู มีทั้งกลั่นทั้งกรอง ผู้ว่าการไม่ได้เข้ามามีบทบาทในช่วงแรกรอเห็นตัวที่กรรมการเสนอมา แล้วพิจารณาอีกทีว่าเหมาะไม่เหมาะ เหมาะก็เสนอเข้าบอร์ดเพื่อพิจารณามีมติ แต่ไม่ได้บอกว่า
ถ้าผู้ว่าการ กกท. คิดว่าไม่เหมาะ นอกจากไม่นำเข้าบอร์ด แล้วจะทำอะไร อย่างไร

และถ้าผู้ว่าการเห็นว่า ไม่เหมาะ แล้วคณะกรรมการที่แต่งตั้งให้ไปสร้างกระบวนการต่างๆเฟ้นหามานั้น จะเป็นอย่างไร รับผิด รับชอบ เฉยๆ หรือแยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

คงไม่ต้องไปตีความอะไรมาก ไม่ต้องใช้สมองคิดลึกคิดซึ้ง ไตร่ตรอง ใคร่ครวญอะไรเลย ความพยายามที่สร้างกระบวนการขึ้นมานี้ ก็เพื่อสร้างภาพของความโปร่งใส สะอาด บริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นระบบ ไม่มีอคติส่วนตัว ไม่มีรักใคร ชอบใครเกลียดใคร จากตัวผู้ว่าการ กกท. โยนให้กรรมการใช้ดุลพินิจ รักใคร ชอบใคร เชื่อใคร เป็นเหตุผลเฉพาะตัวที่จะแปรเป็นมติของคณะกรรมการ

ลอยตัว ไร้ข้อครหา ว่างั้นเถอะ!

ซึ่งจริงๆแล้วมันต้องเป็นเช่นนั้นหรือไม่!!!

ตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท. เดิมทีไม่ได้ซับซ้อน ไม่ต้องสร้างกระบวนการอะไรมากมาย เป็นเรื่องภายใน ผู้ว่าการ กกท. เลือกจาก ผอ.ฝ่าย (ระดับ 8) ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแล้วนำเข้าสู่บอร์ด จะส่งกี่ชื่อ ส่งมากกว่าตำแหน่ง นำเสนอเหตุผลประกอบเพื่อพิจารณา แล้วสุดท้ายให้บอร์ดเคาะก็ว่าไป ส่วนจะเลือกด้วยเงื่อนไขอะไรเป็นอำนาจและหน้าที่ บวกกับเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และที่สำคัญเป็นทั้ง “อำนาจ” บวกด้วย “หน้าที่” และมันมาพร้อมกับ “ความรับผิดชอบ” ในฐานะผู้บริหารสูงสุด

จะเลือกใคร ใช้งานใคร รู้เช่นเห็นชาติด้วยตัวเองก็เป็นคนในองค์กรที่ทำงานด้วยกันมาอยู่แล้ว เป็นภาวะผู้นำที่ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองเท่านั้น

นี่ยังต้องให้คนนอก คนอื่นๆเข้ามารื้อค้น วิพากษ์คนในองค์กรที่ตัวเองเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่ มามีบุญคุณกับคนที่ได้รับการแต่งตั้งอีก ทั้งๆที่เป็นเรื่องภายในองค์กร แล้วคน กกท.จะว่าอย่างไร

ได้แค่ภาพ แต่ต้องเสียอะไร มันคุ้มกันหรือไม่

และมันแสดงให้เห็นอะไร ลองคิดดู...

“เบี้ยหงาย”