โจโจ้
อย่างที่บอกกันไว้แล้วก่อนหน้านี้ “การ์ดอย่าตก” เป็นอันขาด บอกเลยตอนนี้ทุกคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ข่าวที่ออกมาแต่ละวัน ทำขวัญผวาไปตามๆ กันสำหรับ “โควิด-19” ที่มีโอกาสกลับมาระลอก 2 หากทุกคนออกมาแต่ละวัน ทำขวัญผวาไปตามๆกันสำหรับ “โควิด-19” ที่มีโอกาสกลับมาระลอก 2 หากทุกคนยังประมาท ย้ำเตือนกันอีกรอบหมั่นล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยเวลาที่ต้องออกไปแหล่งชุมชน
เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็ภาวนาขออย่าให้เกิดอีกเลย เพราะทุกอย่างกำลังเดินหน้าเริ่มต้นไปในทางที่ดี แหล่งท่องเที่ยวรอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากพี่น้องคนไทยเรา ปลายปีจนถึงปีใหม่นี้มีเงินหมุนเวียนกันบ้าง อย่างไรต้องรอดูสถานการณ์ติดตามข่าวสารจากทางราชการกัน
วงการกีฬาก็เช่นกันกระทบไปหมดเป็นลูกระนาดทุกสมาคมตอนนี้ต้องมีแผน 1 แผน 2 และแผน 3 ไว้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในประเทศ หรือรายการต่างๆ แต่การแข่งขันระดับนานาชาติวันนี้คงต้องรอกันก่อน ได้แต่เตรียมการเตรียมนักกีฬากันไปพลางๆก่อน
ที่เห็นๆและใกล้ตัวที่สุดคงจะเป็นกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ในปีหน้าที่เวียดนาม ถ้านักกีฬาไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย กลัวเหลือเกินว่าสนิมจะขึ้น หินปูน จะเกาะ จนทำให้ผิดฟอร์ม แต่ก็ยังเอาใจช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ช่วงนี้ได้มีโอกาสออกไปสำรวจติดตามสมาคมกีฬาต่างๆ น่าชมเชยทุกสมาคมฯ ขอยกเรื่อง “สมาคมกีฬามวยปล้ำแห่งประเทศไทย” ภายใต้การกำกับดูแลของ “ผศ.กิตติพศ สุฉันทบุตร” นายกสมาคมฯ ถือว่ามีองค์ความรู้มวยปล้ำทุกๆด้าน จนหาตัวจับยาก ส่วน “หมวดอ๋อย” ร.ต.ท.มนตรี เพชรจรุงพร เลขาสมาคมฯถึงจะป้ายแดง แต่ความรู้ความสามารถถือว่าโอเคเลยอยู่วงการกีฬาของศรีสะเกษมาพอสมควร เรียนรู้ได้เร็ว เอาใจใส่ ถือว่าเป็นมือประสานสิบทิศได้เลย
น่าเห็นใจสมาคมไม่มีสปอนเซอร์หลัก อาจจะเป็นเพราะกีฬามวยปล้ำยังไม่ได้รับความนิยมก็ได้ แต่ถ้ามาดูทางสมาคมฯก็ใช้งบประมาณ ที่ได้มาอย่างคุ้มค่าเม็ดเงินที่ได้มา
มีการวางแผนงานปี 2564 อย่างชัดเจน เน้นไปที่การสร้างบุคลากร ผู้ฝึกสอนแต่ละภาค ผู้ตัดสิน ฯลฯ และนำความรู้ที่ได้ไปสร้างนักกีฬาขึ้นมาของแต่ละจังหวัด, สโมสรสมาชิก หรือสมาคมเองให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลังในทุกด้าน
ขณะเดียวกัน ทางสมาคมมีผู้ฝึกสอนต่างชาติ “อิลฮาน เซนลิค” จากตรุกี มาอยู่กับสมาคมร่วม 4 ปี ออกไปตามจังหวัดต่างๆไปแนะนำให้ความรู้กับผู้ฝึกสอนชาวไทยและนักกีฬาตลอด ขณะเดียวกัน สมาคมก็กำลังจะมีโค้ช “โสมขาว” Mr.Kimjinkyu จากเกาหลีใต้ มาเสริมอีก 1 คน ดูโปรไฟล์แล้วถือว่าเป็นผู้ฝึกสอนมีฝีมือในระดับเอเชียคนหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเดินทางมาถึงวันที่ 18 ธ.ค.นี้
นอกจาก “โค้ชเกาหลีใต้กับตุรกี” แล้วยังมีโค้ชชาวไทยมากฝีมืออีกหลายคน ที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์จากบรรดาโค้ชต่างชาติที่สมาคมได้มา ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกมาหลายตัว แบบนี้เรียกว่า “สุดคุ้ม” เพราะปีหน้าทางสมาคมจะรับเป็นเจ้าภาพหลายรายการทั้งเอเชียน และระดับโลก เพราะทางสหพันธ์ต้องการให้ไทยรับเป็นเจ้าภาพแทนบางประเทศที่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาไทยจัดได้ว่าอยู่ในระดับมืออาชีพในการจัดการแข่งขัน แต่ต้องดูทิศทางโควิด-19 อีกครั้ง เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
สำหรับการเตรียมความพร้อมซีเกมส์ นักกีฬาส่วนใหญ่น่าจะมาจาก ร.ร.กีฬาศรีสะเกษ ซึ่งเป็นศูนย์กีฬามวยปล้ำของ “อจ.วุฒิศักดิ์ ชูชื่น” ผู้อำนวยการใจถึง ที่คอยให้การสนับสนุนทุกอย่าง เมื่อรวมกับนำเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา, นักกายภาพบำบัด, นักจิตวิทยาทางด้านการกีฬา, นักโภชนการ ที่ทางสมาคมจัดไว้ให้ด้วยแล้ว รับรองนักกีฬาจะมีคุณภาพเต็มร้อยแน่นอน
เพราะการจะไปคว้า “เหรียญทอง” ในถิ่นญวนบอกเลยไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมานักมวยปล้ำตระกูลเหงียนกวาดเหรียญทองเป็นว่าเล่น ส่วนไทยเราทำได้แค่มองตาปริบๆ สูงสุดก็แค่เหรียญเงิน และ เหรียญทองแดง
ยังจำคำพูดของ “เอกสิทธิ์ อ้วนไตร” อุปนายกมวยปล้ำฯ ได้เป็นอย่างดีว่า “10 เหรียญเงินไม่เท่ากัน 1 เหรียญทอง”
บอกเลยซีเกมส์หนนี้ไม่ง่ายแน่สำหรับเหรียญทองแต่ก็ถือเป็นเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง แว่วๆ มาว่าสมาคมเองก็มีไม้เด็ดเตรียมไว้เซอร์-ไพรส์เหมือนกัน
เอาใจช่วยให้นักมวยปล้ำไทยก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้.
โจโจ้