หน้าแรกแกลเลอรี่

ฝากไว้กับอะไรดี

เบี้ยหงาย

18 พ.ย. 2563 05:01 น.

ผลงานของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ในช่วงฟีฟ่าเดย์ 2 ครั้งหลังสุด เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แพ้ทีมนครปฐม ยูไนเต็ด 0-1 และล่าสุดเมื่อวันก่อน เสมอกับทีมไทยลีก ออลสตาร์ 2-2 ซึ่งก็ถือเป็นการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเท่าที่ทำได้ ในช่วงที่โลกยังปกคลุมด้วยไวรัสโควิด-19

และแน่นอนทีมชาติไทยชุดที่ลงสนามนี้ก็เป็นการให้โอกาสในการทดสอบนักเตะใหม่ๆผสมกับตัวเก่า ขณะที่ตัวหลักหลายคนที่ยังค้าแข้งในเจลีกของญี่ปุ่น ไม่สามารถกลับมาร่วมทีมได้

อันเป็นข้อจำกัดที่เข้าใจกันดี และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ทีมชาติไทยนั้น มีเป้าหมาย มีภารกิจ 2 รายการ คือ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ ที่จะแข่งกัน 11 เม.ย. ถึง 3 พ.ค.2564 กับ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย กลุ่มจี ในแมตช์ที่เหลืออยู่ 3 นัด ซึ่งนัดแรกที่กลับมา กำหนดออกมาแล้ว 25 มี.ค. รับอินโดนีเซีย ส่วนอีก 2 นัด ไปเยือน ยูเออี 7 มิ.ย. และ 15 มิ.ย. รับมาเลเซีย

เท่ากับว่าช่วงเวลานี้จนถึง 25 มี.ค.2564 ซึ่งจะเตะกับอินโดนีเซีย แข้ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ภายใต้การนำของเฮดโค้ชอากิระ นิชิโนะ นั้น จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด!

แต่ก็น่าประหลาดใจ เมื่อวันวานท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงได้ให้ความเห็นกับสื่อกีฬา กับการขยับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมชาติไทยกลับมาซ้อมร่วมกัน โดยชี้ว่าเป็นไปได้ยากที่จะขยับคิวบอลภายในให้ทีมชาติได้ซ้อม เรื่องนี้ได้มีการหารือกันแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปทีมชาติไทยจะมารวมตัวกันอีกครั้ง ก็จะเป็นช่วงฟีฟ่าเดย์ในเดือน มี.ค.2564 เพื่อแข่งฟุตบอลโลกเลย

ซึ่งไทยลีกและบอลถ้วยไทยฤดูกาลนี้ ตามช่วงเวลาใหม่ที่บังคับใช้เป็นปีแรก จะจบช่วงต้นเดือน เม.ย.

อย่างนี้หมายความว่า ทีมชาติไทยจะไม่มีการรวมตัวฝึกซ้อมหรืออุ่นเครื่องกันอีกแล้วจนถึงเดือน มี.ค. ซึ่งฟีฟ่ากำหนดช่วงเวลาไว้ให้ 22-30 มี.ค.2564

ลองดูช่วงเวลากันให้ดีว่ามันทับๆซ้อนๆแน่นๆกันเพียงไร เลยไม่แน่ใจว่า จริงๆแล้วทีมชาติไทยนั้นสำคัญขนาดไหน หรือเราไม่สามารถวางแผนงาน กำหนดโปรแกรมต่างๆได้ดีพอ ปัญหามันอยู่ที่ใคร!!!

แล้วทีมชาติไทยจะแข็งแกร่งและพร้อมมากที่สุด เพื่อเป็นตัวแทนให้คนไทยทั้งชาติได้หวังจริงๆหรือ

ในเวลาไล่เลี่ยกันมีข่าวชิ้นหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากมาเลเซีย และสื่อไทยก็หยิบมาขยายต่อ กับกรณีที่ทีมชาติมาเลเซียอาจจะถอนตัวจากการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับเรา เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยังเป็นปัญหาหนักและหากถอนจริง ผลการแข่งขันที่ผ่านมาของมาเลเซียจะถูกยกเลิก จะส่งผลให้ทีมชาติไทยได้ประโยชน์กว่าทีมอื่น เพราะไทยเราบุกไปแพ้มาเลเซีย 1-2 ขณะที่ทีมอื่นทั้งยูเออีและเวียดนามชนะมาทั้งคู่ เมื่อต้องตัดคะแนนจากผลที่เล่นกับมาเลเซียออกไป ทำให้ ไทยแลนด์มีคะแนนเท่ากับเวียดนาม แต่ประตูได้เสียดีกว่า ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันที ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสผ่านเข้ารอบจะสูงขึ้นมากมาย

คิดกันไปไกลถึงโน่นเลย เชื่อว่าหลายคนแอบดีใจกันลึกๆ

เลยต้องมานั่งขบคิดกันว่า ถ้าทีมชาติไทยของเราจะเข้ารอบต่อไปในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เราควรจะฝากความหวังไว้กับอะไรดี...

“เบี้ยหงาย”