กระทรวงกีฬาเผย หลักเกณฑ์คู่มือจัดการแข่งขันแบบ "นิว นอร์มอล"

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการ และกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ด้านการแข่งขันกีฬาแบบมีผู้ชมออกมาแล้ว โดยกีฬาที่จัดในสนามกลางแจ้ง เชียร์เสียงดัง ให้เข้าชมไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม แต่ไม่เกิน 4,000 คน ส่วนเชียร์เสียงไม่ดัง จำกัดไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เกิน 6,000 คน ขณะที่สนามในร่ม เชียร์เสียงดัง ไม่ให้เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ของความจุสนาม แต่ไม่เกิน 1,000 คน ส่วนเชียร์เสียงไม่ดัง ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เกิน 2,000 คน

วันที่ 5 ก.ย.63 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ประกาศอนุญาตให้การแข่งขันกีฬาสามารถจัดแข่งขันได้โดยมีผู้ชมในสนามได้แล้ว แต่ยังคงจำกัดจำนวนคนดู และผู้จัดการแข่งขันต้องดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่ทางราชการกำหนด

ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีการประกาศ “คู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการกีฬา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ตามประกาศกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” เพื่อให้ผู้จัดการแข่งขันกีฬาปฏิบัติตาม ออกมาแล้ว 3 ฉบับ รวม 91 ชนิดกีฬา

และต่อมา เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ลงนามในประกาศ “คู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ด้านการแข่งขันกีฬาแบบมีผู้ชม” (ฉบับที่ 1)

โดยคู่มือดังกล่าว กำหนดให้ผู้จัดการแข่งขัน ต้องจัดการแข่งขันตามคู่มือของแต่ละชนิดกีฬา, หากเป็นการแข่งขันที่มีผู้ชม ต้องจัดการแข่งขันตามคู่มือแบบมีผู้ชม ตามจำนวนผู้ชม จำแนกตามประเภทสนามกีฬา (เช่น สนามกลางแจ้ง สนามในร่ม) และลักษณะการเชียร์ (เช่น เชียร์เสียงดัง เชียร์เสียงไม่ดัง)

ทั้งนี้ มีการกำหนดจำนวนผู้ชมไว้ดังนี้ สนามกลางแจ้ง เชียร์เสียงดัง จำกัดไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม แต่ไม่เกิน 4,000 คน ส่วนสนามกลางแจ้ง เชียร์เสียงไม่ดัง จำกัดไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม แต่ไม่เกิน 6,000 คน ด้านสนามในร่ม เชียร์เสียงดัง จำกัดไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม แต่ไม่เกิน 1,000 คน ส่วนสนามในร่ม เชียร์เสียงไม่ดัง จำกัดไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ ของความจุสนาม แต่ไม่เกิน 2,000 คน

นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค คำแนะนำ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัดด้วย สำหรับกีฬาที่มีลักษณะการเชียร์เสียงดัง ได้แก่ ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, วอลเลย์บอลชายหาด, ชักกะเย่อ, แฮนด์บอล, แฮนด์บอลชายหาด, บาสเกตบอล, ตะกร้อ, ฟุตซอล, ฟุตบอลชายหาด, รักบี้ฟุตบอล, มวย, มวยปล้ำ, วูซู, ยูยิตสู, คูราช, ปันจักสีลัต, เทควันโด, โววีนัม, คาราเต้, ซูโม่, ยูโด, กีฬาเชียร์ และกาบัดดี้

ส่วนกีฬาที่มีลักษณะเชียร์เสียงไม่ดัง ได้แก่ จักรยานยนต์, รถยนต์, เจ็ตสกี, ฟุตวอลเลย์, คริกเกต,เรือเร็ว, เบสบอล, เรือพาย, กรีฑา, ปีนหน้าผา, ฮอกกี้, ฮอกกี้น้ำแข็ง, โรเลอร์สกี, กอล์ฟ, เทนนิส, ซอฟท์เทนนิส, เรือใบ, วู้ดบอล, เปตอง, ขี่ม้า, ยิงเป้าบิน, ยิงปืนรณยุทธ, ยิงธนู, ลอนโบวล์ส, ซอฟท์บอล, ปัญจกีฬา, ว่ายน้ำ, โปโลน้ำ, ระบำใต้น้ำ , กระโดดน้ำ, เนตบอล, คอร์ฟบอล, ไคท์บอร์ด, เพาะกายและฟิตเนส, แบดมินตัน, สนุกเกอร์, โบว์ลิ่ง, เทเบิลเทนนิส, หมากรุก, หมากล้อม, ยกน้ำหนัก, ยิงปืน, บริดจ์, ฟันดาบ, ยิมนาสติก, ลีลาศ, เอ็กซ์ตรีม, ดาร์ท, ฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้ง, สควอช, อีสปอร์ต, กีฬาไทย (กระบี่กระบอง, ดาบไทย, ว่าวไทย, หมากกระดาน และเรือยาว), กีฬาทางอากาศและการบิน, ขี่ม้าโปโล, จานร่อน, ว่ายน้ำมาราธอน, ไตรกีฬา, วิ่งประเภทถนนและวิ่งเทรล และ กีฬาดำน้ำ ฟินสวิมมิ่ง