Lemon Juice
ในที่สุดก็รูดม่านเปิดฉากเรียบร้อยแล้ว สำหรับการแข่งขันฟอร์มูลา วัน ในฤดูกาล 2020 หลังจากโดนวิกฤติโควิด-19 เล่นงาน จนต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
ส่วนในสังเวียนเปิดซีซั่น ซึ่งประเดิมกันไปที่เรดบูล ริง สปีลเบิร์ก ประเทศออสเตรีย ในศึก Austrian Grand Prix ก็มีเรื่องให้พูดคุยกันแบบครบรส สมการรอคอยของแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต
ในแง่ของการแข่งขัน น่าเสียดายที่ “อเล็กซ์ อัลบอน” นักซิ่งลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จากทีมเรดบูล เรซซิ่ง-ฮอนด้า ต้องพลาดยืนโพเดียมไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ในรอบควอลิฟายผลงานสุดยอด ทำเวลาเข้ามาดีที่สุดเป็นอันดับ 5 และได้ออกสตาร์ตในกริดที่ 4
ส่วนในรอบไฟนอล ต้องบอกว่าโชคร้ายแบบสุดๆ เพราะเกิดอุบัติเหตุ โดน ลูอิส แฮมิลตัน ชนเข้าอย่างจัง จนต้องออกจากการแข่งขัน พลาดทั้งยืนโพเดียมและพลาดเก็บแต้มตุนเอาไว้ในสนามแรกของซีซั่น
หลังการแข่งขัน อเล็กซ์ ยอมรับว่า มันคงเป็นความโชคร้ายของตัวเองแบบปฏิเสธไม่ได้ เพราะฟอร์มกำลังมาเลย ถ้าไม่โดนชนซะก่อน เชื่อว่ายังไงตำแหน่ง 1 ใน 3 บนโพเดียม คงหนีไม่รอดแน่
ส่วนประเด็นนอกสนาม คงหนีไม่พ้นการร่วมให้กำลังใจ และต่อต้านการเหยียดผิวในแคมเปญ 'Black Lives Matter' ซึ่งมี ลูอิส แฮมิลตัน เป็นแกนนำ
นอกจากการคุกเข่าแสดงพลังก่อนการแข่งขัน ซึ่งเป็นที่นิยมกันในวงการกีฬาทั่วโลกแล้ว ยังมีการรณรงค์ให้นักขับกว่า 20 ชีวิต สวมเสื้อยืดสีดำ ซึ่งมีข้อความว่า “End Racism” เพื่อตอกย้ำความร่วมมือด้วย
ในตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก่อนการแข่งขันในวันอาทิตย์ ก็มีกลิ่นดราม่าโชยออกมาเล็กๆ ว่า มีนักขับราว 5 คน ที่ไม่ยอมคุกเข่าก่อนออกสตาร์ต
ซึ่งพอถึงวันแข่งขันในรอบไฟนอล พบว่ามีถึง 6 คน ที่แสดงจุดยืนไม่ร่วมคุกเข่าตามคำขอของ แฮมิลตัน
โดย 6 นักซิ่งโดนเผยรายชื่อคือ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน, ชาร์ลส์ เลอแคลร์, คาร์ลอส ไซนซ์, คิมี ไรโคเนน, อันโตนิโอ โจวินาซซี และ ดานิล เคฟยาต
แต่อย่างไรก็ตาม ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ได้ออกมาเผยถึงเหตุผลที่ไม่ยอมคุกเข่าว่า ต้องการแสดงออกด้านการกระทำแบบสม่ำเสมอมากกว่า
นักขับชาวฝรั่งเศสวัย 22 ปีรายนี้ ชี้ว่า มันคงเป็นเรื่องน่าขันมากกว่า ถ้าคุณจะเสียเวลาคุกเข่าแค่ไม่กี่นาที แต่ในชีวิตจริงทั้ง 24 ชั่วโมงต่อวัน กลับไม่แยแสกับการร่วมต้านการเหยียดผิวเลย
พูดง่ายๆ คือขอแสดงออกด้านการกระทำมากกว่า พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกคนยอมรับ ในการแสดงออกที่แตกต่างด้วย
เช่นเดียวกับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ก็กล่าวในทำนองเดียวกันผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ถึงผมจะไม่ยอมคุกเข่าในวันนี้ แต่ผมยังให้ความเคารพ และสนับสนุนทางเลือกส่วนบุคคล ของนักขับทุกคนในครั้งนี้”
นั่นคือความสวยงามของคนในสังคมที่พัฒนาแล้ว ซึ่งบางชาติในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควรดูเป็นแบบอย่าง
ไม่ใช่ว่าพอเห็นต่างจากตัวเอง ก็จงเกลียดจงชัง จ้องประหัดประหารกันให้ตายคาที่ เพียงเพราะเห็นต่างจากตัวเอง แทนที่จะพยายามเรียนรู้และยอมรับสิ่งเหล่านั้นจากคนรอบข้าง
เพราะคุณไม่ยอมรับในความแตกต่างที่เกิดขึ้นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มรอยร้าวในสังคมให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย.