เบี้ยหงาย
บรรยากาศในแวดวงกีฬายามนี้ ค่อยๆขยับๆมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ หลังการประกาศคลายล็อกในระยะที่ 4 และกำลังคืบคลานเข้าสู่ระยะที่ 5 ในอีกราวๆ 10 วันข้างหน้า
หลังจากที่หยุดนิ่งกันมานานก็ได้เห็นพัฒนาการเป็นระยะๆ จากออกกำลังอยู่บ้าน บ้านใครบ้านมัน เล่นกันอยู่หน้าจอ จะเรียกเวอร์ชวล หรือออนไลน์ หรืออะไรก็ตาม ได้ออกมาฝึกซ้อมกันแบบกลุ่มย่อย ต่อถึงซ้อมได้เต็มรูป ภายใต้ระเบียบการป้องกันโรคที่เข้มงวด
กำลังจะไปสู่การแข่งขันกันได้แล้ว แม้ว่าจะต้องแข่งกันในระบบปิด ปิดสนาม ปิดยิม ปิดห้อง ไม่ให้มีคนดู แต่เปิดให้ชมผ่านการถ่ายทอดสดได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีดูจะผ่อนคลายกันจริงๆบ้าง
แน่นอนการที่กีฬามากมายและหลากหลาย โหยหาและแสดงความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะกลับมาแข่ง บางกีฬาก็มีท่าทีออกจะออฟไซด์บ้างอย่างมวยไทย ก็ไม่ถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร ทั้งดูจะมีความ กระตือรือร้นมากกว่ากีฬาชนิดอื่นๆเสียด้วยซ้ำ
ด้วยเป็นการแสดงถึงความต้องการที่จะกลับมาแข่ง ให้ใกล้เคียงกับสภาพปกติอย่างที่สุด ด้วยการแข่งขันกีฬานั้นหมายถึงการทำงานหาเลี้ยงชีพเช่นกัน โดยเฉพาะกีฬาอาชีพทั้งหลาย แม้แต่กีฬาสมัครเล่น หรือในมิติของนักกีฬาทีมชาติ เกมการแข่งขันก็ย่อมนำมาซึ่งการสร้างโอกาส และยังมีเบี้ยเลี้ยง หรือสิ่งตอบแทนอื่นๆ ซึ่งก็เป็นการเลี้ยงชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
ถึงตรงนี้ กีฬาอะไรจะกลับมาแข่งขันได้บ้าง ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการปฏิบัติ กฎระเบียบ ที่สอดคล้องกับการป้องกันโรค ซึ่งแต่ละกีฬาต้องทำงานร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย และฝ่ายสาธารณสุข เพื่อจัดทำ “คู่มือ” ปฏิบัติการในแต่ละกีฬา แต่ละเกมการแข่งขัน และต้องได้รับการเห็นชอบจาก ศบค. ก่อนจะนำไปสู่การแข่งขันได้จริง เดี๋ยวก็คงจะทยอยๆ กันออกมา
ส่วนเมื่อกลับมาแข่งขันกันจริง ในรูปแบบของกีฬาวิถีใหม่ จะสนุกสนาน เข้มข้น เหมือนเมื่อก่อนหรือไม่ ยังไม่เกิดก็ยังไม่รู้ แต่พอจะเทียบเคียงกับเมืองนอก ที่เริ่มมีกีฬากลับมาแข่งกันบ้างแล้ว ใครที่ได้ดูบอลลีก ไม่ว่าจะเป็นบุนเดสลีกา ลาลีกา หรือพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นลีกชั้นนำมหานิยม ดูแล้วรู้สึกแปลกๆไปอย่างไรกีฬาไทยก็คงจะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน อยู่ที่มากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น
ก็ต้องยอมรับในความเป็นจริง ในสถานการณ์อันไม่เป็นปกติเช่นนี้ การได้กลับมาแข่งขันนับเป็นเรื่องดีแน่นอน
แต่ที่ต้องดูกันต่อไป คือสิ่งที่จะตามมา อันถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ซึ่งมีผลต่ออนาคตของกีฬาไทยแน่นอน
นั่นก็คือ “เม็ดเงิน” ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ สปอนเซอร์ หรือค่าลิขสิทธิ์ต่างๆที่จะกลับมาตอบแทน ค้ำยัน หล่อเลี้ยงชีวิตให้กับสโมสรกีฬา สมาคมกีฬา เรื่อยไปถึงนักกีฬาอันเป็นกลไกสำคัญของกีฬาชาติไทย
จะยังคงกลับมาได้ในระดับใด!!!
การที่จะพึ่งพาจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
คงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
เม็ดเงินจากเอกชนจะมีให้กับกีฬาไทยแค่ไหน ในวันนี้และวันหน้า
เป็นคำถามที่รอดูคำตอบ ซึ่งคำตอบนั้นคงน่าหวั่นไหวยิ่ง...
“เบี้ยหงาย”