บี บางปะกง
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ผมขอยกเอาพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ใน “กฤษณาสอนน้องคำฉันท์” มาเริ่มต้นคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” วันนี้
เพื่อร่วมไว้อาลัยต่อการจากลาชั่วนิรันดร์ของ “รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร” อดีตตำนานนักเตะทีมชาติไทย ที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 11 นักเตะทรงคุณค่าในรอบ 100 ปีของวงการลูกหนังบ้านเรา
อาจารย์อัษฎางค์ หรือที่พวกเราคนฟุตบอล เรียกว่า “น้าอัษ” จนคุ้นปาก เป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อวงการกีฬาและวงการปกครองของเมืองไทย
เป็นแข้งไทยเพียงไม่กี่คนที่ก้าวไปเติบโตในทางวิชาการจนเป็นที่ยอมรับนับถือจากผู้คนทั้งประเทศมาช้านาน
ผมรับรู้เรื่องราวการเป็นนักเตะของ “น้าอัษ” จากข้อมูลที่สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยแห่งประเทศไทยได้ถ่ายทอดไว้เป็นตัวหนังสือ
เจ้าของเสื้อทีมชาติ “หมายเลข 4” กับตำแหน่งกองกลางตัวกลั่น ฉายา “จิ้งเหลนไฟ” ที่โด่งดังขึ้นมากับสโมสรธนาคารกรุงเทพ ในฟุตบอลถ้วย ก คือสิ่งที่แฟนบอลยุคเก่าจดจำได้ดี
สมัยนั้นทุกคนชอบเรียกติดปากกันว่า “สุพจน์ฮาล์ฟซ้าย-อัษฎางค์ฮาล์ฟขวา” เนื่องจากเจ้าตัวมีเพื่อนคู่หูสมัยเรียนเทพศิรินทร์ ที่ชื่อ “สุพจน์ พานิช” เล่นในตำแหน่งกองหลัง
ภาพจำของผมกับ “น้าอัษ” คือชายสูงวัย ท่าทางทะมัดทะแมง ดูดีมีสง่า สมเป็นสุภาพบุรุษนักกีฬา เวลาคุยกับเพื่อนฝูง
หรือคนสนิทชอบแทนตัวเองว่า “อั๊ว” อยู่เป็นประจำ
หลายปีทีเดียวที่ผมผูกพันกับแกตั้งแต่ทำข่าวให้มูลนิธิอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ ของ “บิ๊กแป๊ะ” ถิรชัย วุฒิธรรม และเมื่อครั้งที่ “น้าอัษ” ถูกเชิญไปนั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการบริหารทีมฟุตบอลชาติไทย ในยุค “นายกวีเจ” วิจิตร เกตุแก้ว
ซึ่งนอกจาก อ.อัษฎางค์ แล้ว อีกคนที่ผมยังคิดถึงอยู่จนทุกวันนี้ก็คือ “น้าซอ” สมศักดิ์ อ่อนสมา ที่จากพวกเราไปแล้วหลายปี
สมัยก่อนทั้งสองท่านให้ความเมตตากับผมมากนะครับ
โดยเฉพาะ “น้าซอ” ที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของฟุตบอลลีกเมืองไทยมานานหลายปี ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายในการทำงานในวงการลูกหนังคือรองประธานไทยพรีเมียร์ลีก
ทั้ง “น้าอัษ” และ “น้าซอ” เป็นคนฟุตบอลรุ่นราวคราวเดียวกัน และมักจะมีเรื่องเก่าสมัยหนุ่มๆมาเล่าให้คนรุ่นหลานอย่างพวกผมฟังเอาไว้ประดับความรู้อยู่เสมอ
“เอาล่ะพ่อหนุ่ม ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง” หรือ “อยากรู้มั้ยล่ะ อั๊วจะบอกเรื่องจริงให้” ประโยคเหล่านี้มันยังดังก้องหูของตัวเองทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดของ 2 ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพยิ่ง
แม้วันนี้จะไม่มีอีกแล้ว...กับตำนานลูกหนังอันควรค่าแก่การจดจำ
แต่คุณงามความดีของคนชื่อ “อัษฎางค์ ปาณิกบุตร” กับ “สมศักดิ์ อ่อนสมา”
จะยังคงประดับไว้ในโลกา
ตลอดกาลและตลอดไปครับ!!!
บี บางปะกง