หน้าแรกแกลเลอรี่

“มิสเตอร์ป๋อง” พิธีกรมวยชื่อดัง บริจาคพลาสมา หลังหายป่วย “โควิด-19”

ไทยรัฐออนไลน์

12 พ.ค. 2563 13:00 น.

"พินิจ พลขัน" พิธีกรมวยชื่อดัง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมบริจาค "พลาสมา" เพื่อให้ทางการแพทย์นำไปผลิตวัคซีนต้านเชื้อ "โควิด-19" หรือไวรัสโคโรนา ที่กำลังระบาดอย่างหนักในเวลานี้

วันที่ 12 พ.ค. 63 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ “มิสเตอร์ป๋อง” พินิจ พลขัน พิธีกรรายการมวยชื่อดัง ตรวจถูกพบติดเชื้อ “โควิด-19” หรือ ไวรัสโคโรนา จากการทำงานเป็นพิธีกรคู่กับ แมทธิว ดีน ที่สนามเวทีมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา และต้องเข้ารับการรักษาตัวนานถึง 28 วัน ก่อนหายป่วยเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา และในวันนี้ตัวเขาเดินทางมาที่ ศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อร่วมบริจาคพลาสมาในการใช้สำหรับการใช้เป็นวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวได้ในอนาคต

ล่าสุด “มิสเตอร์ป๋อง” พินิจ พลขัน พิธีกรมวยชื่อดังออกมาเปิดใจกับทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ว่า “ผมก็รู้สึกดีใจกับการมาบริจาคพลาสมาในวันนี้ จริงๆ แล้วผมก็มาคัดกรองตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว มาพร้อมกับ แมทธิว ดีน แต่เหมือนวันนั้นผมกินข้าวไก่กระเทียมพริกไทยเข้าไป หมอก็บอกว่าบริจาคไม่ได้ ผมจึงขอเลื่อนมาเป็นสัปดาห์นี้แทน ความรู้สึกวันนี้ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะว่าผมเป็นคนกลัวเข็มแต่ว่าตัวใจเกินร้อยครับ เมื่อคืนก็หลับพักผ่อนเต็มที่ครับ ตอนนั้นที่ผมป่วยผมเป็นผู้ป่วยก็ถือว่าเป็นเคสที่นานมากๆ ถึง 28 วัน การที่ไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนานๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอนกับสภาพจิตใจและสภาพร่างกายของเรา ผมก็อยากส่งต่อ พลาสมาให้ทางการแพทย์ ถ้าหากมีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงแล้วพลาสมาของเราจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

“ก่อนหน้านี้เราก็ปรึกษากับทาง สภากาชาดไทย ตลอดครับในเรื่องของข้อจำกัดและขั้นตอนการบริจาคพลาสมา คุณหมอก็จะให้ข้อมูลในการปฏิบัติตัวของเราตลอด อย่างช่วงที่ผมป่วยเนี่ยเป็นช่วงที่เราตกผลึกทางความคิดหลายอย่าง เพราะการอยู่โรงพยาบาลร่วมเดือนในห้องสี่เหลี่ยมและการรักษาตัวกับโรคที่ยังไม่มียารักษา มันก็มีคงามเครียดหลายอย่าง เรียกว่าปลงในชีวิตระดับนึงเลย และก็คิดว่าถ้ามีโอกาสอยากจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ก็ขอบอกตรงๆ ว่า โคตรจะมีความสุข”

“ส่วนประเด็นที่มีกระแสสังคมมองในแง่ลบต่อคนวงการกับประเด็นที่มีส่วนในการแพร่การจายเชื้อ ‘โควิด-19’ หรือ ไวรัสโคโรนา ก็คือแน่นอนแหละว่าคนที่ติดเชื้อบางส่วนมาจากสนามมวย ซึ่งนั่นก็ทำให้คนมองคนวงการมวยในแง่ลบทันที ก็อยากจะฝากให้เห็นใจกับอาชีพในสนามมวย, นักมวย, กรรมการ หรือคนที่ไปดูมวยก็เป็นอีกอาชีพนึงของเขา มันก็เหมือนสาขาอาชีพทั่วไปที่เขาเปิดสนามที่ให้เข้าไปทำงาน ซึ่งเขาก็ไปทำงานแต่ว่ามันเป็นความโชคร้ายในการรวมกลุ่มกันทำให้เกิดการติดเชื้อจนกลายเป็นประเด็นขึ้นมา ก็อย่างที่บอกว่าอยากให้เห็นใจครับเพราะว่าทุกคนไม่อยากให้มันเกิดและเชื้อนี้ทุกคนก็มองไม่เห็น ไม่รู้ว่าใครติดเชื้อแล้วบ้าง ซึ่งมันก็ผ่านมาแล้ว อยากให้ทุกคนเข้าใจและเห็นใจคนวงการมวยด้วย ซึ่งพอพวกเราติดเชื้อพวกเราก็มาเปิดหน้าหมดเลย เพื่อให้คนที่อยู่ใกล้ชิดรอบตัวเราที่ผ่านมา ได้ระวัง, ป้องกันตัว หรือไปตรวจเช็กว่าได้รับเชื้อหรือเปล่า”

“จริงๆ เราสามารถรักษาตัวอยู่เงียบๆ เพื่อไม่ก่อให้เกิดกระแสโจมตีแต่พวกเราก็มีความรับผิดชอบต่อสังคม อย่างผมตอนที่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อซึ่งทางจรรบาบรรณแล้วเขาก็จะไม่เปิดเผยชื่อผู้ป่วยอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราออกมาเปิดเผย เรามีความยินดีที่จะเปิดเผย มันก็เป็นการสะกิดบอกคนอื่นให้ระวังตัวด้วย ซึ่งผมก็อยากให้ทุกคนปฏิบัติตามขั้นตอนที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเว้นระยะห่างหรือจำเป็นต้องไปอยู่ในที่ๆ มีคนอยู่เยอะๆ ก็อยากให้ทุกคนหาความรู้และวิธีป้องกัน ‘โควิด-19’ ซึ่งในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาซ้ำเดิมใครแล้ว มันเป็นเวลาที่เราต้องช่วยกันทำให้ทุกอย่างมันเดินหน้าไปได้ด้วยดีเพื่อให้เราปลอดโรคปลอดเชื้อให้ได้มาที่สุดครับ”.