หน้าแรกแกลเลอรี่

เรียงหน้าชน : ถ้าวิ่งในสวนฯ

พาวเวอร์บอมบ์

4 พ.ค. 2563 05:01 น.

รัฐบาลคลายล็อก ชาวกีฬาได้รับ อนุญาตให้ไปวิ่งออกกำลังกายในสวน สาธารณะได้ (เสียที)

วันนี้เลยนำบางช่วงบางตอนของบทความดีๆ จากเพจ Avarin Running and Triathlon. มานำเสนอ (อีกแล้ว) เป็นข้อแนะนำการวิ่งในสวนกับหน้ากากผ้า และสิ่งที่นักวิ่งต้องปรับตัว เขียนโดย “หมอแอร์” นายแพทย์อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา ใส่ Mask อะไรวิ่งได้

แมสก์ที่ไม่ควรใส่ออกกำลังเลยคือพวก N95 เพราะเราจะหายใจเอา co2 จากการหายใจออกของเรามากกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจเข้าและออกเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ปอดและหัวใจทำงานหนักขึ้น อันตรายได้

ส่วนหน้ากากอนามัย แมสก์ผ้าทั่วไปสามารถใส่ออกกำลังได้

การใส่ Mask ไม่ว่าจะเป็น Surgical mask หรือแมสก์ผ้า ในขณะออกกำลัง ทำให้การหายใจเข้าและออกลำบากขึ้น อาจหายใจเอา co2 เข้าไปมากกว่าเดิม แต่ไม่ถึงขนาดอันตราย ยิ่งแมสก์ที่มีประสิทธิภาพดี กรองได้เยอะ กันน้ำได้ ยิ่งมีแนวโน้มทำให้หายใจเข้าออกลำบากมากขึ้นเท่านั้น

ความสามารถในการออกกำลังกายก็จะลดลง HR ขึ้นเร็วกว่าปกติใน Pace เท่าเดิม

ขณะใส่หน้ากากออกกำลังหนักๆต่อเนื่อง

จะเกิดความชื้น เปียกที่แมสก์ จากไอน้ำ ความร้อนที่หน้าและลมหายใจจากจมูกและปาก นอกจากนี้ทำให้สารคัดหลั่งที่จมูกออกมากขึ้น

ทำให้ประสิทธิภาพ การป้องกันของแมสก์เสียไป ยังไม่นับฝ้าที่เกาะแว่นตาในคนที่ใส่แว่นออกกำลังกาย

ยิ่งออกกำลังกายหนัก แมสก์ยิ่งชื้นเร็ว หมดความสามารถในการป้องกัน และยิ่งเหนื่อยมากกว่าปกติจากการหายใจที่ยากขึ้น

ผ้าบัฟ เป็นอีกทางเลือกสำหรับกลุ่มออกกำลังกายหนักขึ้น ที่เพราะผ้าบัฟออกแบบมาให้หายใจผ่านผ้าได้แบบไม่เหนื่อย แม้จะออกกำลังกายหนักมาก การหายใจผ่านผ้าบัฟก็ยังพอทำได้ ผ้าจะชื้นยากกว่าแมสก์ แต่แน่นอนประสิทธิภาพในการกันสารคัดหลั่งก็น้อยตามไปด้วย

เพราะมีรูค่อนข้างเยอะ ไม่กันน้ำ ไม่กันสารคัดหลั่งแบบละอองฝอย

สรุปถ้าออกในสวนสาธารณะ ทำยังไง ข้อแนะนำส่วนตัวนะครับ

1.ข้อแรก Keep physical distance อย่างน้อย 2 เมตรพอ เพราะใส่แมสก์กันแล้ว

2.สาย Low zone zone 1-2 ใส่ mask ออกกำลังได้เลย คอยเปลี่ยนเมื่อแมสก์เปียกชุ่ม เพราะไม่ได้ออกหนัก เป็น Aerobic เบาๆ เหงื่อออกไม่เยอะ หายใจไม่แรงมาก

3.สายความเร็วขึ้นมาหน่อย Zone 3 หรือ ออกยาวๆ จะเริ่มหายใจแรงขึ้น ความเปียกชื้นที่แมสก์เกิดง่ายขึ้น ความรู้สึกจะเหนื่อยมากขึ้น

ขณะออกกำลังกาย ให้วิ่งดูที่ HR และความเหนื่อย

ไม่ต้องปรับตาม pace ที่เคยทำได้ คอยเปลี่ยนแมสก์ บ่อยๆ เมื่อเปียกชื้น เลือกแมสก์ที่หายใจได้คล่อง หรือใส่ผ้าบัฟแทน

4.สาย Tempo หรือ Interval ใส่แมสก์น่าจะไม่ไหวแน่นอน ผ้าบัฟก็ยังเหนื่อยและชื้นไวอยู่ดี เพราะเป็นการออกกำลังแบบ Anaerobic ต้องใช้ออกซิเจนมากขึ้น หายใจแรงตลอดเวลา หัวใจเต้นเร็วมาก แนะนำหาที่ซ้อมที่อื่นที่ไม่ต้องใส่แมสก์ และ keep physical distance ได้ดีกว่า ยังไม่นับที่ต้องแซงคนไปมาตลอดด้วยครับ

สรุปสายแรง คงวิ่งในสวนลำบาก สาย Aerobic zone ยังทำได้ แต่คอยเปลี่ยนหน้ากากเมื่อชื้น วิ่งดู HR และความรู้สึก ไม่ดูที่ความเร็ว

สุดท้าย ใส่หมวก headband เหงื่อจะได้ไม่ไหลลงหน้าตา อย่าใช้มือปาดลูบหน้าตา ไม่ขากถุยน้ำลาย

ออกเสร็จก็กลับบ้านทำความสะอาดร่างกาย

ช่วยกันจะได้ไม่เกิด 2 wave ได้ใช้สวนสาธารณะกันยาวๆครับ.

พาวเวอร์บอมบ์