ไทยรัฐออนไลน์
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สุดปลื้มรายการ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2020” ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัล...
วันที่ 14 ม.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะผู้จัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลกส่งเสริมการท่องเที่ยว ประจำปี 2563 รายการ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2020 พรีเซนเต็ด บาย โตโยต้า” เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าในการจัดงาน และแจ้งการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลในระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ประเภทบุคคลทั่วไป (ชาย-หญิง) และประเภทบุคคลทั่วไป (ชายไทย-หญิงไทย)
นอกจากนี้ ยังได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศในระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ประเภทบุคคลทั่วไป (ชาย-หญิง) และประเภทบุคคลทั่วไป (ชายไทย-หญิงไทย) พร้อมทั้งเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี ร่วมแข่งในรายการดังกล่าว ทั้งยังได้ขอถ้วยรางวัลชนะเลิศเพิ่มเติมจาก นายกรัฐมนตรี ในระยะ 10 กิโลเมตร ประเภทบุคคลทั่วไป (ชาย-หญิง) และประเภทบุคคลทั่วไป (ชายไทย-หญิงไทย) อีกด้วย
ทางด้าน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเชิญชวนสื่อมวลชนทุกคนช่วยทำประชาสัมพันธ์การแข่งขันกันเยอะๆ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดีว่า "มาวิ่งแบบนี้ดีกว่าเยอะ"
ขณะที่ นายพิพัฒน์ กล่าวหลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้มีนักวิ่งชาวไทยและชาวต่างชาติ สมัครเข้าร่วมแข่งขันเต็มจำนวน 28,000 คน เรียบร้อยแล้ว ท่านนายกฯได้กำชับให้ดำเนินการจัดการแข่งขันให้ได้มาตรฐานสากลสมพระเกียรติ และเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ และหวังว่ารายการนี้จะเป็น FLAGSHIP สำคัญของกิจกรรมระดับ WORLD EVENT ของประเทศตลอดไป
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการจัดงานในครั้งนี้มาก เพราะหากผลักดันให้รายการนี้เป็นที่นิยมจากนักวิ่งทั่วเอเชียได้สำเร็จ รายการนี้จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลักของการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากจะมีผู้เดินทางมาร่วมแข่งขันในรายการดังกล่าว ทั้งนักวิ่งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งผู้ติดตาม ตลอดจนอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ต่างๆ จำนวนกว่า 50,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังกำชับไปยังคณะอนุกรรมการฝ่ายต่างๆ ให้เตรียมงานให้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายแพทย์และพยาบาล ที่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีปัญหาเรื่องสภาพอากาศ เช่น เรื่องฝุ่น PM2.5 จะต้องมีมาตรการรองรับให้ดี
ขณะที่ นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวถึงภาพรวมของการจัดงานว่า การแข่งขันรายการดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสหพันธ์กรีฑานานาชาติ ด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาในด้านต่างๆ ก่อนการแข่งขัน ล่าสุดสหพันธ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาวัดเส้นทางในระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร และระยะ 21.1 กิโลเมตร ปรับเปลี่ยนเส้นทางแข่งขันให้เหมาะสมและมีมาตรฐานสากลเป็นที่เรียบร้อย ผมคาดว่าในอนาคตมองรายการนี้จะเป็นอีกหนึ่งรายการมาราธอนที่มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอยากมาร่วมแข่งขันมากที่สุดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแน่นอน
สำหรับการแข่งขัน "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2020 พรีเซนเต็ด บาย โตโยต้า" จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทมาราธอน ระยะ 42.195 กิโลเมตร ปล่อยตัวเวลา 03.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เส้นชัยอยู่ที่ถนนพระสุเมรุ, ฮาล์ฟมาราธอน ระยะ 21.10 กิโลเมตร ปล่อยตัวเวลา 03.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เส้นชัยอยู่ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, ระยะ 10 กิโลเมตร ปล่อยตัวเวลา 05.30 น. จุดเริ่มต้นและเส้ยชัยอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน และระยะ 5 กิโลเมตร ปล่อยตัวเวลา 06.10 น. จุดเริ่มต้นและเส้ยชัยอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
ทั้งนี้ เส้นทางวิ่งประเภทมาราธอน ที่มีจุดปล่อยตัวที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จะวิ่งผ่านถนนรามคำแหง (ใช้สะพานต่างระดับ) ถนนราชวิถี (อุโมงค์ลอดใต้สะพาน/ใช้สะพานต่างระดับ) ถนนดินแดง (ใช้สะพานต่างระดับ) พระรามเก้า ถนนราชดำเนินนอก ถนนวิสุทธิกษัตริย์ สะพานพระรามแปด ถนนบรมราชชนนี (สะพานต่างระดับ) วกกลับมาที่ถนน (ต่างระดับราชดำเนินนอก) เลี้ยวขวาเข้าถนนพระสุเมรุ ออกถนนราชดำเนินกลาง เข้าเส้นชัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย