หน้าแรกแกลเลอรี่

มวยลุยถิ่นมังกร บันไดขั้นแรก เพื่อเหรียญโอลิมปิก

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

12 ม.ค. 2563 05:01 น.

กี่ยุคกี่สมัยมวยสากลถือเป็นความหวังของคนไทยในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิกเกมส์” ส่วนหนึ่งเพราะคนไทยผูกพันกับกีฬามวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ นอกจากนี้ ความสุขแรกของไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ก็มาจากเหรียญทองแดงมวยสากลของ “พะเยาว์ พูลธรัตน์” ที่แคนาดา ปี 1976 จากนั้นในปี 1996 ไทยก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแรกในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จจากมวยสากลของ “โม้อมตะ” เรือโทสมรักษ์ คำสิงห์ เมื่อปี 1996 ที่สหรัฐฯ

แม้ในโอลิมปิกเกมส์ที่ผ่านมาทีมมวยสากลพลาดหวังไร้เหรียญทองกลับมา แต่ส่วนหนึ่งก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไทยเราวืดเหรียญทอง ทั้งในเรื่องของการตัดสินที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยโปร่งใสเท่าที่ควร จนทำให้นักชกความหวังอย่าง “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ที่ดูแล้วน่าจะไปถึงเป้าหมายกลับต้องร่วงตกรอบเพราะการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม

ในปีนี้ทีมมวยสากลภายใต้การนำนาวาของ “บิ๊กบางจาก” พิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคม รวมถึง “บิ๊กชาย” สมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานเทคนิค ยังคงเดินหน้าเพื่อหวังกู้ศรัทธาและสร้างความสุขให้กับคนไทยอีกครั้ง ด้วยการปรับกระบวนยุทธ์ ใหม่ทั้งในเรื่องการฝึกซ้อมรวมถึงดึงโค้ชชาวคิวบาที่เคยสร้างเหรียญทองแรกอย่าง “ฮวน ฟอนตาเนียน” กลับมาสร้างขุมพลังให้กล้าแกร่งอีกครั้ง โดยเฉพาะการส่งนักชกทุกชุดออกไปตระเวนแข่งขันต่างแดนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด

และดูเหมือนแนวคิดจะสัมฤทธิผลบวกกับระยะหลังทางไอโอซีเข้ามาทำหน้าที่ดูแลเรื่องของการตัดสินเอง หลังจากที่แบนไอบาออกจากสารบบ ทำให้ผลงานของนักชกไทยก้าวกระโดดมีผลงานที่เด่นชัดมากขึ้น ที่ชัดเจนน่าจะเป็นยูธโอลิมปิกเกมส์ที่อาร์เจนตินา นักชกไทยได้มา 2 เหรียญทอง รวมไปถึงเยาวชนชิงแชมป์โลกที่เราได้มา 2 เหรียญทองเช่นกัน และล่าสุดในซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ที่ว่ากันว่ายากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา นักชกไทยชายหญิงก็ช่วยกันคว้ามาได้ถึง 5 เหรียญทอง ถือเป็นการส่งท้ายของปี 2562

ในศักราชใหม่ที่จะมีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วง 24 ก.ค.-9 ส.ค.ถือเป็นงานที่ท้าทายอีกครั้งของสมาคมมวยสากลชุดนี้ ที่ประกาศวางเดิมพันด้วยตำแหน่งหากไม่ได้รับเหรียญทองกลับมา แต่ก่อนที่จะไปถึงโตเกียวเกมส์ ภารกิจสำคัญด่านแรกที่ขุนพลกำปั้นชุดนี้ต้องฝ่าฟันไปให้ได้คือการเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันมวยสากลโอลิมปิกเกมส์ รอบคัดเลือกโซนเอเชีย/โอเชียเนีย เลกแรก วันที่ 3-14 ก.พ. ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน

การคัดเลกหนนี้ถือว่าเปิดกว้างที่สุดสำหรับนักชกไทย เพราะขอแค่ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศหรือ 4 คนสุดท้ายก็จะคว้าตั๋วไปทันที ซึ่งถ้าเทียบฟอร์มล่าสุดของทีมหมัดไทยชุดนี้ต้องยอมรับว่ามีโอกาสไม่น้อย ซึ่งเป้าหมายที่ทางสมาคมวางไว้ 5 ที่นั่งชายหญิง แต่ถ้าพลาดหวังในเลกแรกก็ยังมีให้แก้ตัวอีกครั้งในเดือน พ.ค.ที่ฝรั่งเศส ที่จะเป็นการรวมดาวของผู้ที่อกหักทั้งหมดจากทั่วโลก

ขณะที่สมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานเทคนิค ที่ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญในการพาลูกทีมขับเคลื่อนไปถึงเป้าหมาย ก็ตั้งความหวังกับเลกแรกไว้สูง ถึงกับเปรยว่าถ้าเป็นไปได้อยากจะเก็บโควตาในเลกแรกให้ได้ทั้งหมด เพราะเลกสองดูแล้วงานน่าจะสาหัสพอสมควร ยิ่งฟอร์มของนักชกที่มีตอนนี้เชื่อว่าน่าไปถึงเป้าหมายได้ไม่ยาก เพราะนักชกไทยตอนนี้ถือว่ามีการพัฒนาฝีมืออย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้มีนักชกให้เลือกเยอะมาก ที่สำคัญคู่แข่งแต่ละคนแต่ละรุ่นต่างก็รู้กันอยู่ว่าใคร แถมยังเคยเจอกันมาแล้วนับไม่ถ้วนทั้งการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ผ่านมา รวมถึงได้มีโอกาสเทรนนิ่งแคมป์ในหลายที่

รายการนี้ถือเป็นการชี้วัดอนาคตของทีมหมัดไทยว่าจะสมหวังแค่ไหนในโตเกียวเกมส์ 2020 การลุยแดนมังกรหนนี้ถือเป็นบันไดขั้นแรกก่อนที่จะก้าวไปถึงทัวร์นาเมนต์ใหญ่และพอจะมองออกว่าในโอลิมปิกเกมส์ปลายปีนี้เราจะไปถึงเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน จะไปถึงฝันหรือพลาดหวัง.

พัลลภ ศรีไพรวัลย์