ไทยรัฐฉบับพิมพ์
“เรามีความสุข เพราะเรา ชนะในรายการเวิลด์ ทัวร์ ได้เป็นครั้งที่ 2”
“ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ซึ่งจับคู่กับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ คู่ผสมของไทย คู่มือ 3 ของโลก กล่าวด้วยความดีใจ หลังช่วยกันคว้าแชมป์แบดมินตัน บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ 500 “โคเรีย โอเพ่น 2019” ชิงเงินรางวัล รวม 400,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 12,200,000 บาท ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ มาครองได้สำเร็จ เมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยในรอบชิงชนะเลิศ โค่นชนะเฉิง ซี เว่ย กับ หวง อย่า เฉียง คู่มือ 1 ของโลกจากจีน ลงได้ 2-0 เกม
ทำให้เดชาพลกับทรัพย์สิรีได้แชมป์ระดับเวิลด์ ทัวร์ เป็นรายการที่ 2 ต่อจากศึกสิงคโปร์ โอเพ่น 2019 เวิลด์ ทัวร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 355,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 10,650,000 บาท ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อต้นเดือน เม.ย.
แน่นอนว่า การที่ผลงานของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น
สำหรับ “บาส” ปัจจุบันอายุ 22 ปี โดดเด่น ในประเภทคู่มาตั้งแต่ต้น ทั้งชายคู่และคู่ผสม
ขณะที่ “ปอป้อ” ในวัย 27 ปี เริ่มต้นเส้นทาง การเล่นแบดมินตันได้อย่างสวยงาม ด้วยการได้แชมป์ หญิงเดี่ยวแบดมินตัน โอลิมปิกเยาวชน ยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2010
จากนั้นค่อยๆปรับเปลี่ยนแนวทางมาเล่นในประเภทคู่
จนสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองด้วยการเป็นนักตบลูกขนไก่หญิงคนเดียวของโลกที่ได้แชมป์ในระดับกรังด์ปรีซ์ทั้ง 3 ประเภทคือ หญิงเดี่ยว หญิงคู่ และคู่ผสม เมื่อปี 2017
ในการเล่นประเภทคู่ ทรัพย์สิรีออกสตาร์ตหญิงคู่กับ “เอ็มเอ็ม” สาวิตรี อมิตรพ่าย รวมทั้ง
มีการจับคู่กับ “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล จากนั้นขยับมาเป็นคู่ผสม คู่กับ “เอ” มณีพงษ์ จงจิตร แต่ มณีพงษ์ต้องหยุดไปพักรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะโยกมาจับคู่กับ “บาส” เดชาพล จนถึงตอนนี้
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว “ปอป้อ” กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า การเล่นประเภทเดี่ยวกับคู่มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว
ส่วนตัวชื่นชอบการเล่นประเภทคู่มากกว่า ทำให้เรามีคนช่วยคิด ช่วยแก้ไข หลังจากนี้หวังว่าจะทำผลงานให้ดีในทุกประเภทที่ลงแข่งขัน สำหรับคู่ผสมนั้นตั้งเป้าหมายไว้ที่ท็อป 5
อย่างไรก็ตาม การจับคู่กับเดชาพลต้องชะงักไปช่วงหนึ่ง เมื่อปลายปี 2017
ในช่วงกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย ทรัพย์สิรีได้รับบาดเจ็บที่เข่า เอ็นไขว้หน้าขาด จนต้องผ่าตัด แล้วพักรักษาตัวอยู่นาน แต่ด้วยความอดทน ไม่ย่อท้อ ค่อยๆฟื้นฟูสภาพร่างกายกลับมา ในที่สุด “ปอป้อ” ก็กลับมาโชว์ฟอร์มกับ “บาส” ได้อย่างลงตัว อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้.
จากที่หวังในประเภทคู่ผสมไว้แค่อันดับ 5 ตอนนี้อันดับโลกพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย
ตอนนี้เป็นรองแค่เฉิง ซี เว่ย กับหวง อย่าเฉียง คู่มือ 1 ของโลก และหวัง ยี่ ลู่ กับหวง ตง ผิง คู่มือ 2 ของโลกจากจีนทั้ง 2 คู่เท่านั้น
และแน่นอนอีกเช่นกัน การที่ผลงานดีวันดีคืนจนอันดับโลกเป็นเช่นนี้ ทำให้แฟนกีฬาอดหวังไม่ได้ที่จะเห็นทั้งคู่ไปโลดแล่นในเวทีใหญ่ระดับโลกอย่างโอลิมปิก โตเกียว 2020
ทั้งนี้ ในเรื่องของการได้ผ่านการควอลิฟาย คงไม่ต้องพูดถึง ได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายปีหน้า ที่ กรุงโตเกียว 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
แต่ที่แอบๆเอาใจช่วยกันอยู่เป็นเรื่องของการลุ้นเหรียญรางวัลในโตเกียวเกมส์
หากเดชาพลกับทรัพย์สิรีรักษาฟอร์มได้เช่นนี้ต่อเนื่อง สร้าง “พลัง” ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นกับทั้งคู่ และทำให้คู่ต่อสู้เกรงกลัวได้อย่างที่เป็นอยู่ ก็ถือว่ามีโอกาสไม่น้อยจะเห็นได้จากการล้มคู่มือ 1 ของโลกจากจีน ได้ในครั้งล่าสุด!!!
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ภูมิใจในตัวบาสกับปอป้อมาก นอกจากฟอร์มจะร้อนแรง ยังรักษามาตรฐานการเล่นได้เป็นอย่างดี
เป็นอีกหนึ่งคู่ที่จะทำให้ไทยได้ลุ้นเหรียญโอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น
นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯกล่าวต่อว่า การเข้าชิงฯถึง 4 รายการ และคว้าแชมป์ไป 2 รายการ แล้ว ชี้ให้เห็นถึงการทำงานหนักของทั้งคู่ รวมถึงทีมผู้ฝึกสอนและการดำเนินการร่วมกับสมาคมฯที่ช่วยผลักดันให้นักกีฬาทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาเรามี “เต่า” สุดเขต ประภากมล กับ “ส้ม” สราลีย์ ทุ่งทองคำ และ “ดั๊ก” ทรงพล อนุกฤตยาวรรณ กับ “โอ๋” กุลชลา วรวิจิตรชัยกุล เป็นคู่ผสมมือ 1 และ 2 ของไทยในยุคก่อน ซึ่งสร้างชื่อให้ประเทศอยู่เสมอ
ส่วนในยุคนี้เรามีเดชาพลกับทรัพย์สิรีที่สร้างชื่อได้เช่นกัน แถมฟอร์มที่เป็นอยู่ยังทำให้ได้ ลุ้นในโอลิมปิก โตเกียว 2020 อีกด้วย
จับตา “บาส-ปอป้อ” ให้ดี อาจเป็นคู่ผสม ประวัติศาสตร์ ก็เป็นไปได้...
กัญจน์ ศิริวุฒิ