ไทยรัฐออนไลน์
ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้ตามเป้า หลังคว้า 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน และ 8 เหรียญทองแดง พร้อมซิวถ้วยคะแนนรวมทีมชาย ในศึกเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศอินโดนีเซีย
การแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 53 ที่ ห้องแปซิฟิกแกรนด์บอลรูม โรงแรม แปซิฟิกพาเลซ เมืองบาตัม ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 2 ต.ค.เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย มีการแข่งขันทั้งหมด 10 ประเภท ไทยส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน 5 คน ทั้งหมด 5 ประเภท หลังจาก 2 วันแรกทัพเพาะกายและฟิตเนสไทยทำผลงานได้ 10 ทอง 12 เงิน 7 ทองแดง วันสุดท้ายไทยคว้าเหรียญทองเพิ่ม
เริ่มจากโมเดลฟิสิคหญิงรุ่นความสูงไม่เกิน 170 ซม. “ทราย” นาตาลี สุขโข ซึ่งคว้าเหรียญทอง ที่ 2 นารันชิเมก อนุจิน (มองโกเลีย) ที่ 3 เอนเจลิน่า โอซิพยาน (อุซเบกิสถาน)
ส่วนโมเดลฟิสิคหญิง รุ่นอายุ 40 ปีขึ้นไป พยาบาลสาวจากกำแพงเพชร “ไก่” อชิรญา แปงเสน ซึ่งติดทีมชาติเป็นครั้งแรก ได้โชว์หุ่นสวยในเวทีระดับเอเชียเป็นครั้งแรกและสามารถชนะใจกรรมการคว้าเหรียญทองไปครองได้อย่างสวยงาม ที่ 2 เป็นของ โอยุน อันดราค (มองโกเลีย) ที่ 3 มาเดส ยิน เค่ย มากี้ (ฮ่องกง)
รุ่นแอธเลติกฟิสิคชายรุ่นความสูงเกิน 182 ซม. รัตตันดีปซิงห์ สัจจเดวา ได้เหรียญเงิน ที่ 1 โอมิดฟอรอุกิ (อิหร่าน) ที่ 3 มัสตาฟา ซาเยอ ซาบาาห์ (อิรัก) โมเดลฟิสิครุ่นความสูงเกิน 170 ซม. ณัฏฐ์ณัชชา ทองสรวง ได้เหรียญเงิน ที่ 1 ซายากะ คาโตะ (ญี่ปุ่น) ที่ 3 เองเจล่า ทุนกาลัก (มองโกเลีย) โมเดลหญิงรุ่นอายุ 30-40 ปี ศิริพร ศรช่วย ได้ทองแดง ที่ 1 รัสชาน่า มัคสุโมว่า (อุซเบกิสถาน) ที่ 2 อาย ทันดา แคง (เมียนมา)
สรุป ไทยได้ 2 ทอง 2 เงิน 1 ทองแดง รวม 3 วันทำให้ทัพนักกีฬาไทยทำได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน และ 8 เหรียญทองแดง ทำให้ไทยคว้าถ้วยคะแนนรวมทีมชายไปครอง ส่วนที่ 2 เป็นของ อินเดีย และที่ 3 จีน ส่วนถ้วยคะแนนรวมทีมหญิงนั้นไทย ได้ที่ 2 โดยที่ 1 เป็นของ เวียดนาม และที่ 3 เมียนมา โดยการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 54 ปี 2020 จะมีขึ้นที่ประเทศมัลดีฟส์
ด้านนายศุกรีย์ สุภาวรีกุล เลขาธิการสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสเอเชีย และนายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลรวมของการแข่งขันครั้งนี้ว่า เราทำได้ตามเป้าหมาย เพราะก่อนมานั้นเราตั้งเป้าไว้ที่ 9 เหรียญทอง แต่เราสามารถทำมาได้ 12 เหรียญทอง ซึ่งมากกว่าที่เราตั้งไว้ หลังจากกลับไปแล้วทางสมาคมฯ จะมีการประชุมหารือในระหว่างวันที่ 10-13 ตุลาคม 2562 เพื่อวางแผนปรับทีมที่ร่วมกับทีมที่มีชื่ออยู่ในชุดชิงแชมป์โลก 2019 ที่แจจู ประเทศเกาหลีใต้อยู่แล้ว ซึ่งเกาหลีใต้ เป็นรายการระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่า ต้องยากเพิ่มขึ้นเพราะมีชาติยุโรปเพิ่มเข้ามา จากความตั้งใจของนักกีฬาชุดนี้ซึ่งเป็นนักกีฬาที่ดีมีหน้าใหม่ค่อนข้างเยอะ ทำผลงานได้เป็นที่ประทับใจ ซึ่งตนในฐานะนายกสมาคมก็ตั้งใจว่าจะจัดหางบประมาณให้มากที่สุด เพื่อจะส่งนักกีฬาเพิ่มขึ้น เบื้องต้นนั้น ที่ 1 จากการแข่งขันครั้งนี้ได้ไปแน่นอน ส่วนที่ 2-3 คงต้องไปคุยกับสตาฟฟ์โค้ชอีกทีเพื่อที่จะดูรุ่นการแข่งขันว่ามีใครสามารถได้ไปร่วมศึกชิงแชมป์โลกเพิ่มขึ้นได้บ้าง
สำหรับนักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทยจะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 3 ต.ค. 2562 ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 408 ถึงประเทศไทยในเวลา 19.35 น.