หน้าแรกแกลเลอรี่

ท่าจะครึกครื้น

เบี้ยหงาย

16 ส.ค. 2562 05:01 น.

แวดวงกีฬาเรายามนี้ ยามที่อยู่ระหว่างการปรับเนื้อปรับตัว กลมกลืนเข้าหากัน ระหว่างทีมงานกีฬาใหม่ นำโดย รมต.กีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่เข้ามาขับเคลื่อนบังคับบัญชา กลไกกีฬา ของชาติในหน่วยงานต่างๆ

แม้ว่าบางส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทยจะมีอาณาจักร ขอบเขต ภายใต้ประธานบอร์ดการกีฬา และบอร์ดกองทุนฯ อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทับๆกันอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้ ยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะมีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ผู้ว่าการ กกท. อย่าง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ก็สบายอกสบายใจดี

จับท่าทีของ รมต.พิพัฒน์เริ่มตั้งแต่นโยบายขับเคลื่อนด้านกีฬาที่ประกาศออกมา 7 ข้อ มี 1.ส่งเสริมให้คนไทยออกกำลังกาย เล่นกีฬาและนันทนาการอย่างสม่ำเสมอ 2.ส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ในการพัฒนานักกีฬา 3.ส่งเสริมโรงเรียนกีฬาเฉพาะด้าน เช่น ฟุตบอล, กอล์ฟ และวอลเลย์บอล 4.ส่งเสริมสปอร์ตทัวริซึม 5.ส่งเสริมความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างประเทศ 6.ส่งเสริมการจัดกิจกรรมกีฬาระดับโลกในประเทศไทย และ 7.ส่งเสริมนักกีฬาไทยสู่กีฬาระดับโลก

รวมทั้งคำกล่าวในวันที่มอบนโยบาย ท่านพูดชัดถึงแนวคิด และแนวทางที่ต้องการให้หน่วยงานในสังกัดช่วยกันทำงานให้หนักขึ้น ทำงานเป็นทีม และต่อไปนี้จะไม่มีคำว่า ทีมการท่องเที่ยวฯ ทีมการกีฬาฯ ทีมกรมพลศึกษา ทีมกรมท่องเที่ยว และทีมอื่นๆ จนไปถึงทีมกระทรวงที่เป็นอิสระต่อกัน ทุกคนต้องมีเป้าหมายร่วมกัน และรับผิดชอบร่วมกัน

ซึ่งก็ชัดเจนว่าความมุ่งหวังของ รมต.พิพัฒน์ คือการแสวงหาความร่วมมือทั้งส่วนงานด้านกีฬาและท่องเที่ยว อันเป็นพันธกิจหลักของกระทรวงนี้ และทั้งสองส่วนต้องเดินไปด้วยกัน พูดได้ว่าปิดประตูแนวคิดที่จะแยกกีฬา และท่องเที่ยวออกจากกัน ดังที่มักจะมีการพูดกันขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล ซ้ำยังชัดเจนว่าต้องการจะประสานสองส่วนนี้ให้แน่นแฟ้น และต้องสร้างความสำเร็จที่เห็นผลจากการรวมงานสองส่วนดังกล่าวเข้าด้วยกันให้สังคมประจักษ์

ก็ถือเป็นเรื่องดี และมีความชัดเจน ทั้งเป็นความท้าทายที่ต้องทำให้ได้จริง

และสิ่งที่จะสื่อให้เห็นถึงการสอดรับกันระหว่างท่องเที่ยวกับกีฬาที่ชัดเจนและกลมกลืนที่สุดก็ต้องเป็นงาน “อีเวนต์” ซึ่งก็อยู่ในนโยบาย 2 ใน 7 ข้อ คือ ส่งเสริมสปอร์ตทัวริซึม และ ส่งเสริมการจัดกิจกรรมกีฬาระดับโลกในประเทศไทย เมื่อเป็นเช่นนี้คงไม่น่าจะแปลกใจอะไรที่งานแรกๆของท่าน รมต.จะพยายามเร่งรัดให้มีการต่อสัญญาการจัดโมโตจีพีในไทยซึ่งจะหมดในปี 2020 ออกไปอีก รวมทั้งยังมีแนวคิดกับการจัดวิ่งระดับโลก รวมถึงอีสปอร์ต และเชื่อว่าจะมีอะไรตามมาอีกมาก

จัดเยอะ ใช้แยะ ก็ต้องได้ประโยชน์ ยกแรกนี่ท่าจะครึกครื้นกันดี ยกต่อไปค่อยว่ากันใหม่...

“เบี้ยหงาย”