ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ผ่านมาแล้วครึ่งปี สำหรับการทำหน้าที่เป็น ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ของ “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี นักบริหารไฟแรง วัยเพียง 45 ปี
หลังจากออกสตาร์ต เริ่มทำงานมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการแถลงผลงานในช่วง 6 เดือนแรกของ ดร.ก้องศักด ไปเรียบร้อยแล้วว่า ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง และในอนาคตมีแนวทางอย่างไร
โดยผู้ว่าการ กกท.ยืนยันว่า พร้อมที่จะขับเคลื่อน 12 โครงการหลักเพื่อพัฒนากีฬาของประเทศ
เริ่มจากโครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. (Smart National Sports Park), โครงการยกระดับการบริการวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีทางการกีฬาของ กกท. (SMART SPORTS SCIENCE CENTER)
โครงการยกระดับหน่วยงานด้านกฎหมายของ กกท. (Sports Law), โครงการยกระดับการบริหารจัดการองค์กรทั้งระบบ (Smart Organization), โครงการพัฒนารวมฐานข้อมูลด้านกีฬา (Sports Big Data)
จากนั้นเป็นโครงการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports Tourism), โครงการการจัดตั้งเมืองกีฬา (Sports City)
โครงการยกระดับการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ (Sports Entertainment), โครงการพัฒนานักกีฬาคนพิการอย่างครบวงจร (Sports for Disabilities), โครงการสลากกีฬา (Sports Lotto)
รวมทั้งโครงการสนับสนุน ส่งเสริมกีฬาเอกลักษณ์ของชาติและกีฬาพื้นบ้านไทย (Thai Traditional Sports) และโครงการส่งเสริมกิจกรรมกีฬา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Sports in 5 Southern Provinces)
เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนากีฬาทั้งระบบ เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อลงลึกพบว่าโครงการที่ ดร.ก้องศักดเน้นเป็นพิเศษลำดับต้นๆคือ การบริการด้านสนามกีฬาอย่างครบวงจรต่อประชาชนที่จะมาใช้บริการและออกกำลังกาย
จะมีการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติรวมอยู่ในโครงการนี้ด้วย
โดยในส่วนของศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาตินั้น มีการออกไปหาข้อมูลยังสถานที่ต้นแบบ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กาตาร์ และเยอรมนี เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับศูนย์ฝึกแห่งใหม่ที่จะตั้งอยู่ภายในสนามกีฬาหัวหมาก
“การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในต่างประเทศ ไปเพื่อดูแล้วนำมาใช้ประโยชน์จริง มาพัฒนาจริง
โดยเฉพาะกับการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ จะต้องนำองค์ความรู้ต่างๆจากหลายๆแห่งมาปรับใช้ให้มากที่สุด ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อพลิกโฉมประเทศ ให้ประเทศของเราเป็นประเทศกีฬาอย่างแท้จริงให้ได้” ผู้ว่าการ กกท. ย้ำถึงเป้าหมายในการทำงาน
และเมื่อถูกถามถึงภาพรวมในการทำงานในช่วงครึ่งปีแรก หากต้องประเมินตนเองด้วยคะแนนเต็ม 10 คิดว่าตัวเลขที่เหมาะสมควรออกมาเป็นเท่าไหร่
ดร.ก้องศักดตอบว่า “ผมคิดว่าน่าจะได้ 8 คะแนน”
“หลายโครงการยังต้องรอ เพราะการขับเคลื่อนยังไม่ส่งผล ด้วยโครงการส่วนใหญ่ที่ผมทำ เป็นโครงการในระยะยาว ที่กว่าจะเป็นรูปธรรมต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย” ดร.ก้องศักดกล่าวในตอนท้าย
ทั้งหมดนี้เป็นความคืบหน้าในการบริหารงาน ของผู้ว่าการ กกท. คนที่ 13 ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว “บิ๊กก้อง” จะทำภาพฝันให้เป็นจริง และเป็นอย่างที่คน กีฬาคาดหวังได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์
และจะช่วยตอบคำถามทั้งหมดให้...
กัญจน์ ศิริวุฒิ