ไทยรัฐฉบับพิมพ์
“ว.ภาวดี” คู่ซี้ บี บางปะกง ประเดิม รับใช้ท่านเป็นครั้งแรกบนพื้นที่ “เรียงหน้าชน” วันนี้
เลยขออนุญาต “จ๊อกกิ้งบอย” กูรูวงการวิ่งของกราวกีฬาไทยรัฐ เขียนถึงงานวิ่งมาราธอนในตำนานของประเทศที่กำลังจะระเบิดขึ้นใน วันอาทิตย์ที่ 20 ม.ค.นี้
นั่นก็คือ “สสส.จอมบึงมาราธอน 2019” ที่ครั้งนี้เข้าสู่ขวบปีที่ 34 กันไปแล้ว
จากงานวิ่งเล็กๆระดับหมู่บ้านของวิทยาลัยครูหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี ที่ก่อกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2528 โดย อ.ณรงค์ เทียมเมฆ และ อ.สมจิต สง่าพันธุ์ ซึ่งประเดิมจัดครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมไม่ถึง 100 คน และเก็บค่าสมัครแค่ 20 บาท
ใครเลยจะคิดว่าสนามวิ่งแห่งนี้จะเติบใหญ่ กลายเป็นงาน “มาราธอนระดับชาติ” อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ถ้า “บอสตันมาราธอน” คืองานวิ่งที่เข้มขลังและมีคนใฝ่ฝันอยากจะเข้าร่วมประลองความอึดมากที่สุดในโลกแล้วล่ะก็
งานวิ่งของชาวบ้าน แต่มาตรฐานสากล อย่าง “จอมบึงมาราธอน” ก็คือยอดปรารถนาของนักวิ่งบ้านเราถ้วนทั่วทุกตัวคนเช่นกัน
ถึงขนาดที่มีการกล่าวขานจากรุ่นสู่รุ่นกันมาเลยล่ะว่า “คุณยังไม่ใช่นักวิ่งตัวจริง ถ้ายังไม่เคยผ่านสนามจอมบึง”
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าแต่ละปีที่ผ่านมาจะมียอดผู้สมัครเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
โดยปีนี้มีนักวิ่งลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันเกือบ 3 หมื่นราย แต่ฝ่ายจัดการแข่งขันมีลิมิตรับได้ 15,000 คนเท่านั้น ทำให้ต้องมีการจับสลากหรือลอตโตกันเป็นปีที่ 3 แล้ว
ซึ่งแน่นอนทำให้ผู้คนอีกเกือบครึ่งต้องอกหักผิดหวังไปตามระเบียบ
ความป๊อปปูลาร์ของจอมบึง ไม่ได้เกิดจากแรงโปรโมต หรือกระแสการตลาดในยุค “รันนิ่งบูม” ของเมืองไทยแต่อย่างใด
หากแต่มันเกิดจาก “เสน่ห์” บางอย่างที่มีความ “unique” เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครมานมนานแล้ว
โดยเฉพาะ ความร่วมมือร่วมใจจากชาวบ้าน บวกกับบุคลากรทุกองคาพยพของ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ที่หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต้อนรับ อาคันตุกะจากทั่วสารทิศ ที่มาเยือนอำเภอแห่งนี้
ที่สำคัญเราจะไม่เห็นบรรยากาศของการแข่งขันที่เอาเป็นเอาตายมุ่งจะชนะคะคานกันท่าเดียวเหมือนสนามแห่งอื่นๆ
แต่ภาพของ “จอมบึงมาราธอน” มันเหมือนงานวิ่งปาร์ตี้พบปะสังสรรค์ของเพื่อนๆนักวิ่งทุกเจเนอเรชันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่นัดมาเจอกันปีละครั้งซะมากกว่า
หลายคนตั้งเป้าที่จะพิชิต “ฟูลมาราธอน” ครั้งแรกในชีวิตตัวเอง ก็ที่สนามจอมบึงแห่งนี้นี่แหละ!!
เนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่างมันเอื้อต่อความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เย็นสบายสไตล์ชนบทในช่วงเดือนมกราคม
เส้นทางที่ราบเรียบไม่มีเนินสูงชันให้ทรมานสังขาร
รวมทั้งกำลังใจจากเสียงปรบมือของคนท้องถิ่นที่ดังเพราะเสนาะหูและสุดแสนประทับใจไม่มีลืมเลือน
ทั้งหมดนี้...คือความยิ่งใหญ่สุดยอดเกินบรรยายของ “จอมบึงมาราธอน”
งานวิ่งต้นแบบขนานแท้และดั้งเดิมของเมืองไทย ที่คุณๆทุกคนควรได้ไปสัมผัส...ด้วยตัวเอง
อย่างน้อย...สักครั้งในชีวิต...!!!
“ว.ภาวดี”