หน้าแรกแกลเลอรี่

ต้องปีละครั้ง

เบี้ยหงาย

29 พ.ย. 2561 05:01 น.

ปิดฉากไปเรียบร้อย มหกรรมกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 46 “เจียงฮายเกมส์” ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งนับเป็นกีฬาแห่งชาติครั้งที่ได้รับความสนใจมากที่สุดครั้งหนึ่ง แน่นอนย่อมเป็นผลพวงจากความร่วมไม้ร่วมมือของคนในพื้นที่ และการมีดีของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและศิลปะ บวกกับการแข่งขันของนักกีฬาจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศที่แสดงศักยภาพออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์

ภาพรวมจึงออกมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

เกมจบไปด้วยการมีคำถามตามมาว่า กีฬาแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันจัดกัน 2 ปีครั้ง สมควรจะกลับไปจัดกันทุกปีหรือไม่ โดยครั้งต่อไป จังหวัดศรีสะเกษเป็นเจ้าภาพปี 2563

คงต้องย้อนกลับไปดูถึงเหตุผลที่ยกมาอ้างในการเปลี่ยนมาจัด 2 ปีครั้ง นับแต่บอร์ด กกท. เห็นชอบ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และมีมติออกมาเมื่อ 8 ต.ค.2556

โดยตอนนั้นให้เหตุผลกันว่า เพื่อให้นักกีฬาได้มีเวลาไปแข่งขันระดับนานาชาติ เนื่องจากในปัจจุบัน (ณ เวลานั้น) มีการแข่งขันระดับนานาชาติทั้งในและต่างประเทศหลายรายการ ส่งผลกระทบต่อการเตรียมตัวของนักกีฬาที่ซ้ำซ้อนกัน และยังกระทบต่อการฝึกซ้อม รวมทั้งงบประมาณในการส่งนักกีฬาเข้าร่วมด้วย

ฝั่งของ กกท. โดยรองผู้ว่าการ ณัฐวุฒิ เรืองเวส ออกมาพูดวันก่อนก็ยังมีท่าทีกั๊กๆอยู่ แต่ก็ชี้ว่ามีโอกาสจะกลับมาแข่งปีละครั้งมากขึ้น และอ้างถึงการลดเกมของเอเชีย อย่างเอเชียนอินดอร์เกมส์ กับ เอเชียนมาเชียลอาร์ตเกมส์ ที่ถูกรวมกันไปแล้ว

จริงๆแล้วถ้ายกเหตุถึงเกมระหว่างมีมาก แล้วต้องหน่วงเวลาการจัดกีฬาแห่งชาติออกไป 2 ปีครั้งในปัจจุบัน หรือบางคนเคยหวังไปถึง 4 ปีครั้งโน่น ฟังยังไงก็ไม่ค่อยจะเป็นเหตุเป็นผลต่อกัน!!!

ด้วยกีฬาแห่งชาติ ไม่ใช่กีฬาทีมชาติ นักกีฬาที่ลงแข่งขันก็มาจากการคัดและเลือกสรรของแต่ละจังหวัด ใครมีทีมชาติก็ว่าไป หรือไม่มีทีมชาติก็แข่งกันได้ นี่คือเวทีที่ให้นักกีฬาได้เข้าแข่งขัน ประลองความสามารถในระดับชาติ เป็นเวทีที่บ่มเพาะสร้างประสบการณ์ สร้างดาวรุ่งขึ้นมาเสริมทีมชาติ และให้โอกาสแก่นักกีฬาที่มีศักยภาพได้มาทดสอบกับพวกทีมชาติในบางกีฬา

ถ้าเรื่องของเกม เรื่องของกีฬา การแข่งขันเป็นประจำย่อมก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ทีมชาติในกีฬาไหนติดภารกิจก็ไม่ต้องมาแข่ง ไม่ได้เป็นปัญหากับการพัฒนากีฬาของชาติเลย

สิ่งที่ต้องทำคือการหาทางช่วยเหลือเพื่อให้จังหวัดต่างๆได้มีโอกาสในการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะได้โอกาสในการพัฒนากีฬา พัฒนาคน พัฒนาการทำงาน ประสานงาน ช่วยเหลือของผู้คนในจังหวัด สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นี่ต่างหากคือสิ่งที่ต้องคำนึง

งบประมาณซึ่งมาจากการสนับสนุนของ กกท. ปัจจุบัน กกท.มีเม็ดเงินให้ใช้มากขึ้น ไม่น่าจะเป็นประเด็น ที่ต้องแก้ไขปรับปรุงก็คงจะเป็นเรื่องระเบียบ การใช้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถสนับสนุนการจัดกีฬาได้ รวมถึงฝั่ง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็มีงบส่วนหนึ่งให้กับจังหวัดหรือผู้ว่าราชการจังหวัด หากจะเพิ่มเติมให้ในจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพซึ่งรู้ล่วงหน้า ย่อมสามารถจัดสรรได้

การจัดกีฬาแห่งชาติเป็นประโยชน์ทั้งด้านกีฬา เศรษฐกิจ และเป็นประตูเปิดกว้างเพื่อให้โอกาสแก่จังหวัดได้ยกระดับและพัฒนา หากฉลาดคิด และฉลาดทำ

กีฬาแห่งชาติต้องจัดทุกปี จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด...

“เบี้ยหงาย”