Lemon Juice
ปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ "โอซากา มาราธอน 2018" หนึ่งในทัวร์นาเมนต์มาราธอนระดับแถวหน้าของเอเชีย ซึ่งแข่งขันกันไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา...
สำหรับการแข่งขันในปี 2018 ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เผยตัวเลขของนักวิ่งที่สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งสูงถึง 32,000 คน ทั้งในประเภทฟูลมาราธอน 42.195 กิโลเมตร และประเภท challenge run ระยะทาง 8.8 กิโลเมตร
แทบไม่น่าเชื่อว่า การแข่งขันที่เพิ่งจัดเพียงไม่กี่ปี จะได้รับการตอบรับที่ดีมากขนาดนี้ ซึ่งนอกเหนือจากนักวิ่งมืออาชีพทั่วโลก ที่หลั่งไหลเข้ามาชิงชัยในศึกครั้งนี้แล้ว บรรดานักวิ่งเจ้าถิ่นเอง ก็คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความสนุก และแต่งเติมสีสันให้กับการแข่งขันดูมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่เราจะได้เห็นนักวิ่งชาวญี่ปุ่นรวมตัวกันมาเป็นกลุ่มเป็นก๊วน สร้างความเฮฮาครึกครื้นตั้งแต่เสียงปืนออกสตาร์ตยังไม่เริ่มต้น
ซึ่งตลอดสองข้างทาง ก็มีบรรดากองเชียร์มายืนให้กำลังใจนักวิ่งกันอย่างล้นหลาม ตะโกนเชียร์กันแบบสุดเสียง เรียกได้ว่าส่งกำลังใจกันตลอดทางตั้งแต่ปราสาทโอซากา จุดเริ่มต้น ไปจนถึงเส้นชัยที่บริเวณอินเท็กซ์ โอซากา กันเลยทีเดียว
และในปีนี้ ผลิตภัณฑ์ "มิซูโน่" โดยบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้นำนักวิ่งคนดังของเมืองไทย เข้าร่วมประลองความอึด ท่ามกลางอากาศหนาวของภูมิภาคคันไซ
นำโดย "หมอเมย์" พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์, "เต๋า" สมชาย เข็มกลัด, "หนูแหม่ม" สุริวิภา กุลตังวัฒนา ซึ่งควงคู่มากับ "บ๊อบบี้" โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์, "พี่ป๊อก" อิทธิพล สมุทรทอง นักวิ่งคู่ใจของตูน บอดี้สแลม จากโครงการ "ก้าวคนละก้าว" และ "เดียร์" ลิลลี่ แม็คกราธ พิธีกรชื่อดัง และอดีตนักล่าฝันจากบ้าน AF
สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ สิ่งที่ต้องชื่นชมคือหลายๆ คน ลงแข่งขันแบบฟูลมาราธอนเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่กลับสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม วิ่งเข้าเส้นชัยกันครบทุกคน
โดย "หมอเมย์" ที่ทำเวลาได้ดีที่สุดของกลุ่ม กล่าวถึงมนตร์เสน่ห์ของการแข่งขันที่โอซากา ว่า เสียงเชียร์ตลอดสองข้างทาง คือสิ่งที่แตกต่างจากที่อื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้นักวิ่งมีพลังในการไปต่อจนจบการแข่งขัน
ส่วนอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือ บริเวณกิโลเมตรที่ 32 ซึ่งจะมีอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อไม่น้อยกว่า 7-10 ชนิด มาแจกจ่ายให้กับนักวิ่งได้หยิบทานกัน เพื่อเพิ่มพลังก่อนเข้าเส้นชัย
ขณะที่ "พี่เต๋า" สมชาย เข็มกลัด ซึ่งทะลวงลิมิตเดิมๆ ของชีวิต ภายใต้สโลแกนสุดเท่ "จบไม่เจ็บ เจ็บไม่ถอย" ด้วยการประเดิมฟูลมาราธอนครั้งแรกในชีวิต ที่แม้จะทำเวลาเข้ามาถึง 6 ชั่วโมง 43 นาที
แต่อย่างน้อย นี่คือการประเดิมเส้นทางใหม่ของสายนักวิ่ง ก็เป็นไปได้ด้วยดี และแว่วๆ มาว่า "พี่เต๋า" กำลังหลงใหลกับเส้นทางนี้เป็นอย่างมาก รวมถึงวางแผนที่จะยกระดับการวิ่งมาราธอนให้ดีขึ้นกว่าเดิมในอนาคต
ส่วน "หนูแหม่ม" ที่ยอมรับแบบไม่มีเม้มว่า การเทรนนิ่งตลอดทั้งปี เพื่อวิ่งมาราธอนในวัยแตะเลข 5 มาหมาดๆ อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับที่โอซากา ซึ่งมีเวลาให้นักวิ่งถึง 7 ชั่วโมงก่อนตัดตัว ถือเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่กดดันจนเกินไป ทำให้รู้สึกสนุก
ที่สำคัญคือบรรยากาศสองข้างทางที่กองเชียร์ชาวญี่ปุ่น แม้จะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ทุกคนออกมาเชียร์และจับมือทักทาย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ดีเช่นกัน
ด้าน "บ๊อบบี้" โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์ ยอมรับว่า ถึงกับหลั่งน้ำตาก่อนเข้าเส้นชัย เพราะรู้สึกตื้นตันและขอบคุณเทรนเนอร์ที่ช่วยผลักดัน และดูแลอย่างเต็มที่มาโดยตลอด กระทั่งสามารถทำสำเร็จในการแข่งขันมาราธอนแรกของชีวิต.
-Lemon Juice-
*ขอขอบคุณบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่อำนวยความสะดวกให้กับนักวิ่งและสื่อมวลชน ในการแข่งขันโอซากา มาราธอน 2018