ไทยรัฐฉบับพิมพ์
สมาคมรักบี้เปิดตัวสปอนเซอร์หลัก พร้อมวางยุทธศาสตร์สู่โอลิมปิกเกมส์ “โรดทูโตเกียว 2020” ที่ญี่ปุ่น ด้วยการพาทีมหญิง ผ่านควอลิฟายไปสู่รอบสุดท้ายให้สำเร็จ “บิ๊กต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมฯ โวลั่นซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ จะต้องคว้าให้ได้ 2 เหรียญทองทั้งทีมชายและหญิง
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่สโมสรราชพฤกษ์ ถ.วิภาวดีรังสิต “สารวัตรต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศ ไทยฯ เป็นประธานแถลงข่าวพร้อมเปิดตัวสปอนเซอร์ผู้ให้การสนับสนุนหลักของสมาคมฯ ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), กลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (มหาชน), บริษัท โรงงานฟุตบอลไทย สปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด (เอฟบีที), บริษัท คูรคีรตาร์ แอนด์โค จำกัด (กิลเบิร์ค), การกีฬาแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร
พ.ต.ท.กุลธนเปิดเผยว่า การเข้ามาสนับสนุนในปีนี้ของผู้สนับสนุนหลักสมาคมฯ จะเป็นการช่วยสนับสนุนเป้าหมายของเราและทีมรักบี้ทีมชาติไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้ทีมรักบี้ไทยประเภท 7 คน ได้ผ่านเข้าร่วมในการแข่งขันในมหกรรมกีฬานานา ชาติ โดยเฉพาะกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นมหกรรมกีฬานานาชาติที่สำคัญของโลก เรายังมีเป้าหมายที่จะผลักดันทีมรักบี้ทีมชาติไทยชุดใหญ่และระดับเยาวชน ทั้งทีมชาย-หญิงให้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย ในการแข่งขันระดับทวีปรายการต่างๆ ของสหพันธ์รักบี้แห่งเอเชีย (Asia Rugby) อีกด้วย
โดยเฉพาะรักบี้ประเภท 7 คน ทีมหญิงที่ไทยสามารถครองเหรียญทองในกีฬาซีเกมส์มาได้ 3 สมัยติดต่อกัน ล่าสุดยังสามารถคว้าอันดับ 4 ในศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซียกลับมาอีกด้วย และในกีฬาโอลิมปิกปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทีมรักบี้หญิงของไทยมีโอกาสมากขึ้นที่จะผ่านการควอลิฟายไปสู่รอบสุดท้ายใน “โตเกียวเกมส์” เนื่องจากทีมชาติหญิงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งครองอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียมาโดยตลอดจะได้สิทธิ์ของการเป็นเจ้าภาพเข้าร่วมการแข่งขันอัตโนมัติ ทำให้ทวีปเอเชียได้โควตาเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 2 ทีม ทั้งทีมชายและทีมหญิง ซึ่งทีมรักบี้หญิงไทย มีโอกาสเข้าร่วมโอลิมปิกในครั้งนี้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ในปีนี้เราจึงได้ทำแผนยุทธศาสตร์ “โรดทูโตเกียวเกมส์” ขึ้นมา เพื่อกำหนดแนวทางอีก 2 ปีจากนี้ไปจะต้องไปสู่รอบสุดท้ายให้ได้ ส่วนกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ เราจะต้องคว้าให้ได้ 2 เหรียญทองคือทั้งทีมชายและทีมหญิง
นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลฯ กล่าวต่อว่า สำหรับตนมีนโยบายการทำงาน 3 หัวข้อหลักคือ
1. การเผยแพร่และขยายฐานนักรักบี้ให้ไปสู่ระดับภูมิภาคทั่วประเทศให้มากขึ้น ผ่านการแข่งขันที่จัดขึ้นในภูมิภาค และโครงการ Get Into Rugby ที่จะเข้าสู่โรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ
2.ยกระดับและพัฒนาการจัดการแข่งขันรักบี้ภายในประเทศไทย โดยเฉพาะในภูมิภาค และการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนานักกีฬาของไทย ล่าสุดเราได้จัด Chang Asia Club 7s 2018 ไปเมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ปลายปีนี้ในเดือน ธ.ค. สมาคมฯจะเป็นเจ้าภาพรักบี้รายการชิงแชมป์เอเชีย ในรุ่น U19 ปีอีก 1 รายการ รวมถึงในอนาคตจะนำการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์เอเชียประเภทนักเรียนที่ห่างหายไปนานให้กลับมาจัดอีกครั้ง โดยจะนำแชมป์ของแต่ละประเทศให้มาแข่งกัน รวมถึงการจัดตั้งรักบี้เซมิโปรลีก ประเภท 7 คน กึ่งอาชีพ ในปี 2562 (Thailand 7s Semi-Pro League 2019) โดยสมาคมฯ เรามีเป้าหมายจะทำลีกอาชีพแบบเต็มตัวในอนาคต
และ 3.การพัฒนาทีมรักบี้ฟุตบอลทีมชาติไทยสู่ความเป็นเลิศ โดยตอนนี้ได้ตั้งเป้าไว้ที่ทีมรักบี้ทีมชาติไทยเรา จะต้องได้เข้าร่วมในกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว ซึ่งเรามีโอกาสอย่างมาก เพราะญี่ปุ่น ได้โควตาการเป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว และการพารักบี้ทีมชาติไทยให้กลับมาเป็นอันดับ 1 ของเอเชียอีกครั้ง โดยเฉพาะซีเกมส์ปี 2562 ที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ เราตั้งเป้าต้องกวาดเหรียญทองให้ได้ทั้งทีมชายและทีมหญิง