ไทยรัฐออนไลน์
สองนักขับชื่อดังของโลก ออกมายอมรับว่าสังเวียนช้างฯ เซอร์กิต ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หลังมีโอกาสทดสอบสนามก่อนหน้านี้ แต่ก็พร้อมแล้ว สำหรับการล่าแชมป์โมโตจีพีครั้งแรกในประเทศไทย...
วันที่ 5 ต.ค. 61 ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก 2018 “โมโตจีพี” สนามที่ 15 ของฤดูกาล ซึ่งจะระเบิดความมันกันที่สังเวียนช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในศึกพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้
โดยเมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการจาก สมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ หรือ เอฟไอเอ็ม ได้นำทีมลงตรวจมาตรฐานของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก่อนลงมติผ่านเป็นสนามสำหรับรองรับการแข่งขัน โมโตจีพี อย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะที่ดอร์น่า สปอร์ต ได้จัดให้มีการแถลงข่าวโดยมีนักบิดดาวดังร่วมงานมากมาย นำโดย มาร์ค มาร์เกซ, อันเดรีย โดวิซิโอโซ, วาเลนติโน รอสซี่ รวมถึงคู่หู ซูซูกิ เอ็คสตาร์ อย่าง อันเดรีย อิอันโนเน และ อเล็กซ์ รินส์
โดย มาร์เกซ กล่าวว่า “เราได้ทดสอบกันที่นี่ในช่วงวินเทอร์ แต่ผมคิดว่าทีมโรงงานทุกทีมต่างก็มาถึงที่นี่ ด้วยสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป รถแข่งที่แตกต่างจากเดิมและมันเป็นเรื่องน่าสนใจ ในการทำความเข้าใจว่าทุกๆ คนจะอยู่ในระดับไหน”
ด้าน โดวิซิโอโซ ที่กำลังลุ้นแชมป์โลกกับ มาร์เกซ กล่าวว่า “ในส่วนแรกของสนามช้างฯ จะเป็นดินแดนของ ดูคาติ เลยก็ว่าได้ เพราะมีอยู่ 2 โค้ง ซึ่งเป็นโค้งความเร็วต่ำหลังทางตรงยาวๆ คล้ายกับที่ เรดบูลล์ ริง แต่ในส่วนที่สองของสนามจะเป็นจุดที่ ดูคาติ มีปัญหา”
“ส่วนแรกของแทร็ก น่าจะเข้าทางเรานะ แต่ส่วนที่สองดูเหมือนเราน่าจะช้าเล็กน้อย ซึ่งเรามีปัญหาในตอนที่ทดสอบ วินเทอร์เทสต์ แต่ก็เป็นเพียงการทดสอบ ซึ่งเรายังไม่ได้ทำการแข่งขันที่นี่ ซึ่งตัวยางเองก็มีความแตกต่างจากเดิมในการทดสอบมาก สถานการณ์ของนักบิดแต่ละคนแตกต่างจากตอนที่ทดสอบค่อนข้างเยอะ ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นได้”
“แน่นอนเราจะออกสตาร์ตเซสชั่นแรกด้วยความเร็วที่ดี และมาดูกันว่าสถานการณ์ของยางจะเป็นไปในทางไหน ในการทดสอบเราพยายามบางอย่างแต่ดูเหมือนการยึดเกาะของยาง (Grib) จะน้อยมาก ความร้อนสูง ดูเหมือนบางทีอาจจะร้อนกว่า มาเลเซีย ด้วยซ้ำ มันยากมากสำหรับทุกคน รถแข่งร้อนมากซึ่งมันจะส่งผลต่อการแข่งขันแน่นอนและยางก็เช่นกัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่ามากน้อยแค่ไหน”
ขณะที่ รอสซี่ เผยว่า “หากดูจากข้อมูลแทร็กแล้ว ค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะสนามนี้ไม่ใช่สนามที่ ยามาฮ่าเอ็ม 1 จะทำผลงานได้อย่างมหัศจรรย์ ด้วยอากาศที่ร้อนสุดๆ และมีโอกาสที่ฝนจะตกในทุกๆ วัน ดังนั้นสิ่งแรกที่เราหวังคืออย่าให้ฝนตกตอนแข่งขัน เราได้มาทดสอบที่นี่และมันก็ไม่ดีเอาเสียเลย แต่ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ด้วยสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป”
สำหรับการแข่งขัน “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018” ออกสตาร์ตการซ้อมครั้งแรกในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 5 ตุลาคมนี้ ก่อนจะซ้อมครั้งที่ 2 ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน และควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคมนี้ ส่วนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคมนี้