ตองเจ
17 เหรียญทองคือเป้าหมายของทัพไทยในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่แดนอิเหนา จะว่ามากไปหรือน้อยไปก็พูดยาก เพราะถ้าดูจากศักยภาพของนักกีฬาไทยแล้วน่าจะทำได้ หรืออาจจะได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำไป
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่องค์ประกอบหลายอย่าง
ที่ต้องมีควบคู่กันไป อย่างกีฬาที่แบ่งเป็นสายการแข่งขัน หากโชคดีไม่เจอกับสายที่แข็งจนเกินไป หรือไม่เจอกับเจ้าภาพก่อน ก็มีโอกาสเข้าไปถึงรอบลึกๆได้ไม่ยาก
อย่างมวยสากลสมัครเล่นถ้าไม่โชคร้ายจนเกินไปจับติ้วอยู่ร่วมสายกับพวกมหาอำนาจหมัดมวยอย่างอุซเบกิสถาน หรือคาซัคสถาน โอกาสเป้าหมายของกำปั้นไทยก็น่าจะไปถึง
เช่นเดียวกับเทควันโดถ้าไม่เจอกับชาติต้นแบบอย่างเกาหลีใต้ ไต้หวัน หรือจีน หนทางก็น่าจะสดใส
นอกจากเรื่องของโชคชะตาที่จะเป็นตัวเกื้อหนุนให้ก้าวไปถึงฝั่งฝันแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
แต่อีกอย่างที่ดูเหมือนเราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเล่ห์กลของเจ้าภาพ
อย่างจักรยานก็เพิ่งจะเจอเข้าอย่างเต็มเปาในประเภทดาวน์ฮิลล์ และครอสคันทรี หลังเจ้าภาพปิดไม่ให้ทุกชาติเข้าไปดูความพร้อมของสนามแข่งขันจริง โดยนำแบริเออร์พร้อมทหารตำรวจ อาวุธครบมือมาปิดทุกทางเข้าออกไว้
ให้เหตุผลว่าจะเปิดให้เข้าซ้อมในวันที่ 19 ส.ค. เพียง 1 วันก่อนการแข่งขันเท่านั้น
ก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกกฎระเบียบพอรับได้ เพราะเมื่อพูดถึงความเป็นจริงแล้วจะได้ไม่มีชาติใดได้เปรียบเสียเปรียบจนเกินไป
แต่ใครจะรู้ว่าคนอย่าง “เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสองล้อไทย ไม่ใช่หมูให้คนหลอกง่ายๆ ส่งทีมงานสอดแนมเข้าไปดูทันที
เท่านั้นแหละควันออกหูทันควันเพราะภายในสนามที่ปิดไว้นั้น ปรากฏว่ามีนักกีฬาของเจ้าถิ่นกำลังฝึกซ้อมอยู่อย่างสบาย โดยไม่ต้องกลัวใคร ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ซ้อมได้ตามสบาย
นี่ขนาดยังไม่ถึงช่วงแข่งจริงยังเจอเข้าแบบนี้
แค่กีฬาแรกที่เจอเชื่อว่าจากนี้ไปทัพนักกีฬาของไทยคงต้องเจอกับปัญหาที่เจ้าภาพวางไว้อีกมาก อยู่ที่ว่าใครจะเจอมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่เจอก็ถือว่าดีไป
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ทัพนักกีฬาไทยจะไปถึงฝันเกินกว่าเป้าหมาย หรือต่ำกว่าที่ประเมิน ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
กำลังใจเพียงน้อยนิดจากทุกคนจะช่วยให้พวกเขามีแรงมีความฮึกเหิมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆเพื่อชื่อเสียงประเทศชาติ.
ตองเจ