ไทยรัฐออนไลน์
จีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์ศึกซูเปอร์ จีที จากประเทศญี่ปุ่น จับมือกับ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ยืนยันร่วมจัดศึกซูเปอร์ จีที ระยะยาวในไทย ล็อกโปรแกรมช่วงเดียวกันในปีหน้า ชี้เจรจาดีทีเอ็มลงตัว ก่อนชิมลางหนึ่งสนามปี 2019...
เมื่อเร็วๆ นี้ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด และ มร.มาซากิ บันโดะ ซีอีโอของจีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขันซูเปอร์ จีที ได้ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จในรอบ 5 ปี ที่จัดการแข่งขันในประเทศไทย และความร่วมมือในอนาคต
นายเนวิน กล่าวว่า ซูเปอร์จีทีและสนามช้างฯ อยู่คู่กันมา 5 ปี นับตั้งแต่เราเปิดใช้สนามในปี 2014 พัฒนาการต่างๆ ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะฐานแฟนชาวไทยที่มีความนิยมต่อซูเปอร์ จีที เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดชมผ่านการถ่ายทอดสดพุ่งสูงขึ้น และแน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาเยือนจังหวัดบุรีรัมย์มากขึ้นในช่วงการแข่งขัน ทำให้เศรษฐกิจและเมืองมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบที่สูงขึ้น สร้างรายได้ให้กับชาวเมืองได้เป็นอย่างมาก
“เราอยู่กันมา 5 ปี และจะร่วมงานกันต่อไปในอนาคต หวังว่าจะสร้างประโยชน์กับวงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทยมากขึ้นครับ อนาคตเราจะไปจัดโรดโชว์โปรโมตการแข่งขันของไทยที่ประเทศญี่ปุ่น และแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นจะหลั่งไหลเข้ามาที่บุรีรัมย์มากขึ้น” นายเนวิน กล่าว
ด้าน มร.บันโดะ เผยว่า การแข่งขันในเมืองไทยถือเป็นหนึ่งอีเวนต์ที่สำคัญของซูเปอร์ จีที มีการเก็บคะแนนสะสมเช่นเดียวกับทุกๆ สนาม และแน่นอนว่าทุกอย่างเข้มข้นไม่ต่างจากสนามอื่นๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตขึ้นของเมืองบุรีรัมย์ โดยเฉพาะในปีนี้จะมีโมโตจีพีช่วงเดือนตุลาคม สร้างความคึกคักและทำให้ทุกอย่างพัฒนาขึ้นเร็วมากๆ โดยจีทีเอพร้อมจะสนับสนุนทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้บุรีรัมย์พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
“ปีหน้า สนามในประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญของเรา โดยโปรแกรมฤดูกาลหน้า ยังอยู่ระหว่างการจัดสรรเวลา และยื่นต่อสมาพันธ์แข่งรถประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยจะแข่งในช่วงเวลาเดียวกันกับปีนี้” มร.บันโดะ กล่าว
นอกจากนี้ มร.บันโดะ ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับดีทีเอ็ม สุดยอดการแข่งขันซูเปอร์คาร์สุดโหดของประเทศเยอรมนี ว่า เราได้ลงนามความร่วมมือเบื้องต้นด้านกฎเทคนิคของตัวรถแล้ว โดยปี 2019 จะมี 1 สนามที่ชิมลางแข่งร่วมกันระหว่าง ซูเปอร์จีที และ ดีทีเอ็ม เพื่อหาความเหมาะสมต่อไปในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าจะร่วมแข่งด้วยกันอย่างจริงจังในปี 2021 ซึ่งหนึ่งในสนามที่เล็งไว้คือที่บุรีรัมย์นั่นเอง
“เราอยู่กันมา 5 ปี และจะร่วมงานกันต่อไปในอนาคต หวังว่าจะสร้างประโยชน์กับวงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทยมากขึ้นครับ อนาคตเราจะไปจัดโรดโชว์โปรโมตการแข่งขันของไทยที่ประเทศญี่ปุ่น และแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นจะหลั่งไหลเข้ามาที่บุรีรัมย์มากขึ้น”
ขณะที่ นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันว่า เราได้เห็นพัฒนาการของทีมแข่งไทย ที่ถือว่าติดอยู่ในท็อป 5 ของซูเปอร์ จีที ได้แล้ว ผมเชื่อว่าทีมแข่งไทยจะพัฒนาขึ้นไปได้อีก และอยากเห็นทีมไทยในซูเปอร์จีทีแบบเต็มฤดูกาลมากขึ้น ส่วนการตอบรับในปีนี้ถือว่ายังคงมีความคึกคักเหมือนเดิม แฟนๆ ยังหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายที่ในวันเสาร์มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้แฟนๆ บางส่วนเข้ามาชมที่สนามไม่ได้ แต่โดยรวมในวันแข่งก็มีจำนวนผู้ชมเต็มแกรนด์สแตนด์และหนาแน่นเช่นเคย
ทั้งนี้ นายตนัยศิริยังกล่าวถึงการร่วมงานในอนาคตของซูเปอร์ จีที และ จีที500 ซึ่งจะเริ่มมีความชัดเจนในปี 2019 ว่า เราได้คุยเรื่องนี้กับจีทีเอ มา 2-3 ปี แล้ว ในปีหน้า จีทีเอจะยกทีมแข่งจีที500 ไปแข่ง 1 สนามในรายการดีทีเอ็ม และอีก 1 สนามในเอเชีย ซึ่งจะไม่ใช่ญี่ปุ่น โดยเขาบอกว่าเล็งสนามช้างฯ ของเราไว้ เพราะเชื่อว่าจะช่วยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับการแข่งขันเป็นอย่างมาก
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าในปีหน้าเราจะได้เห็นการแข่งขันจีที500 กับดีทีเอ็ม มาดวลความเร็วในเมืองไทย ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นแฟนๆ ดีทีเอ็มในเมืองไทยจะตื่นตัวขึ้นมาก ขณะที่แฟนซูเปอร์จีทีจะเต็มอิ่มมากขึ้นกับการแข่งขันที่ดุดันและโหดมากกว่าเดิม แน่นอนว่าสิ่งที่เราพยายามพัฒนาต่อเนื่องนั่นคือ การได้มอบความสุขให้กับแฟนๆ ชาวไทยอย่างแท้จริง” นายตนัยศิริ กล่าว