ไทยรัฐออนไลน์
เปิดใจ! "น้องมายด์-นิชนันท์ รอดทอง" กับเป้าหมายที่สุดแสนจะท้าทายนั่นคือการติด 1 ใน 3 ไคท์บอร์ด ยูธ โอลิมปิก ที่จะทำการแข่งขันในเดือนตุลาคมนี้ ที่ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งในตอนนี้ก็ไม่ถึง 4 เดือนแล้วที่การแข่งขันจะเปิดฉากขึ้น "ทีมข่าวกีฬา ไทยรัฐออนไลน์" จึงรีบไปคว้าตัว "น้องมายด์" มาเปิดใจถึงมุมมอง ความพร้อม ตลอดจนเป้าหมายในการแข่งขันครั้งนี้...
1. แนะนำตัวเองหน่อย ?
สวัสดีค่ะ หนูชื่อ "มายด์" นิชนันท์ รอดทอง นักกีฬาไคท์บอร์ด ทีมชาติไทย ที่ได้สิทธิ์เป็น 1 ใน 2 ของเอเชียในการไปแข่งโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อน 2018 หรือ "ยูธ โอลิมปิก" ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ที่ประเทศอาร์เจนตินา และกำลังเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบูรพา
2. จุดเริ่มต้นที่ทำให้หลงใหลในกีฬาชนิดนี้ ?
กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาที่มีความผาดโผน และใช้ทะเลเป็นสนามแข่งขัน ซึ่งจริงๆ เราเป็นคนที่ชอบทะเลอยู่แล้ว เมื่อดูคนอื่นเล่นนานๆ ก็เลยอยากลองเล่นดูพอเล่นไปก็เกิดความหลงใหลชื่นชอบในเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ ก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเล่นกีฬาอย่างอื่นด้วย แต่พอได้มาจริงจังกับกีฬาชนิดนี้ก็ไม่กลับไปเล่นกีฬาอื่นๆ อีกเลย ถ้านับถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี และลงแข่งขันไปแล้ว 9 รายการ
3. แต่ละวันฝึกซ้อมอะไรบ้าง ?
โค้ชได้วางตารางไว้ออกเป็น 2 ช่วงๆ เช้ากับช่วงบ่าย ซึ่งช่วงเช้าตั้งแต่ 7 โมงครึ่งถึง 9 โมง ก็จะแบ่งออกเป็นการวิ่ง 7-8 กิโลเมตร เมื่อวิ่งเสร็จก็เข้ามาโยงยิมเล่นเวตเพื่อเสริมกล้ามเนื้อ เพราะกีฬาชนิดนี้ต้องใช้แรงเยอะมาก หลังจากนั้นโค้ชก็ปล่อยให้มานอนพักผ่อน ขณะที่ช่วงบ่ายหลักๆ ก็จะลงไปฝึกทักษะต่างๆ อยู่ในทะเลเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งบางวันถ้าช่วงเช้าลมดีก็จะสลับโปรแกรมหรือลงฝึกซ้อมในทะเลตั้งแต่ช่วงเช้าเลย
4. ความยากง่ายของกีฬาชนิดนี้ ?
มันเป็นกีฬาที่ต้องมีพื้นฐานที่แน่น ต้องทำความเข้าใจกับรายละเอียดทุกๆ อย่างทั้งการทรงตัว พละกำลัง ทิศทางลม กระแสน้ำ ไหวพริบ สมาธิ ซึ่งทุกสิ่งเหล่านี้มันต้องไปพร้อมกันหมด เราไม่สามารถที่จะเผลอหรือหลุดสมาธิได้เลยเพราะถ้าแบบนั้นมันอาจจะหมายถึงความพ่ายแพ้ในการแข่งขันเลยทีเดียว
5. ย้อนความหลังถึงการลงแข่งขันครั้งแรกหน่อย ?
(ยิ้ม) สำหรับการแข่งขันครั้งแรกก็เป็นรายการที่หาดจอมเทียน ความรู้สึกตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ บวกกับความกดดันซึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้ขอแค่ให้แข่งจบเข้าเส้นชัยก็พอ ซึ่งครั้งนั้นเราได้ที่ 3 แต่มีนักกีฬาลงแข่งขันทั้งหมด 3 คนนะ (หัวเราะ)
6. ต้นแบบหรือไอดอลของกีฬาชนิดนี้ ?
ก็จะเป็น "พี่โย" นราพิชิต พุดลา ปัจจุบันพี่เขาผันตัวเองมาเป็นโค้ชแล้ว ซึ่งตอนที่พี่เขาเป็นนักกีฬา คนรอบข้างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนนี้คือเก่งที่สุดแล้วในประเทศนี้ ได้แชมป์เอเชียมาแล้ว 5 สมัย พี่เขาเป็นคนที่มีมุมมองที่ดีมาก ตอนที่เจอพี่เขาได้บอกกับเราว่าเป็นแชมป์ให้ได้นะซึ่งมันก็เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจอีกอย่างหนึ่ง พี่เขาแนะนำเทคนิคต่างๆ การทำอย่างไรให้มีสมาธิพร้อมมากที่สุดก่อนลงแข่งขัน
7. วินาทีแห่งความรู้สึกที่รู้ว่าเป็น 1 ใน 2 ของเอเชียที่ได้ไป ยูธ โอลิมปิก ?
ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากที่เป็นนักกีฬา 1 ใน 2 ที่คว้าสิทธิ์ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อน 2018 หรือ "ยูธ โอลิมปิก" ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ที่ประเทศอาร์เจนตินา คือทุกอย่างเหมือนมันโล่งไปหมด เรียกได้ว่ามันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยกับสิ่งที่เราได้พยายามมาก่อนหน้านี้ แต่นี่ยังไม่ใช่ความสำเร็จมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
8. อุปสรรคสำคัญที่ผ่านมาในชีวิตคืออะไร ?
ก็คงจะเป็นในเรื่องของการแบ่งเวลาให้กับการเรียนและการฝึกซ้อม เพราะที่ผ่านมาจะมีบางช่วงที่เราไม่มีเวลาฝึกซ้อมเลย บางวันเรียนเสร็จก็ต้องรีบวิ่งไปขึ้นรถเพื่อให้ไปซ้อมได้ทันเวลา หลังจากนั้นก็จะกลับมาทำการบ้านและรีบนอนพักผ่อนให้เร็วที่สุดเพราะต้องตื่นตี 5 ทุกวัน ดังนั้นต้องพยายามจัดสรรเวลาให้ไม่ได้ตรงกันแต่สามารถทำสองอย่างควบคู่ไปด้วยกันได้
9. มีการเตรียมตัวอย่างไร รวมถึงเป้าหมายในการแข่งขันครั้งนี้ ?
หลักๆ เลยก็จะเป็นเทรนด์ร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์เพื่อให้สามารถปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ประเทศอาร์เจนตินาที่ลมค่อนข้างแรงและต้องลงแข่งขันหลายวันด้วย โดยจะมีโค้ชมาคอยซ้อมแบบเข้มข้นเสมือนลงทำการแข่งขันจริง สิ่งเด่นๆ ที่เน้นเป็นพิเศษนั่นก็คือการออกตัวเพราะมันคือหัวใจสำคัญของกีฬาชนิดนี้เลยก็ว่าได้ ถ้าออกตัวได้ดีเราก็ได้เปรียบ ส่วนเป้าหมายก็ตั้งไว้ 1 ใน 3
10. ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยที่คอยติดตามและส่งกำลังใจให้เรา ?
ก็ขอขอบคุณชาวไทยทุกๆ คนที่ส่งกำลังใจมาให้เราตลอดจนนักกีฬาประเภทอื่นที่ได้สิทธิ์ไปแข่งเช่นกัน เราจะทำให้เต็มที่ที่สุดเพื่อคว้าเหรียญรางวัลกลับมาให้คนไทยทุกๆ คน