หน้าแรกแกลเลอรี่

“กีฬา” มากกว่าเดิม

ฟ้าคำราม

31 ธ.ค. 2560 05:01 น.

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับ ที่ 6 พ.ศ.2560-2564 ผ่านการใช้งานมา 1 ปีแล้ว

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ดำเนินการขับเคลื่อนแผนดังกล่าว เฉพาะอย่างยิ่งการประชาสัมพันธ์ให้คนในวงการกีฬา รวมถึงบุคคลทั่วไปได้รับทราบไปเป็นระยะก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ในการประชุมเพื่อเผยแพร่และสร้างความรู้ความเข้าใจในแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 เมื่อวันก่อน มีประเด็นที่ตกค้างอยู่อีกเล็กน้อย จึงอยากนำมาเสนอไว้ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า พ.ศ.2560 ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2561 เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน พร้อมกับเรียนรู้ควบคู่กันไปว่า กีฬาในปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีความหมายที่มากกว่าเดิม

พล.ต.ชัยวิทย์ ชยานันท์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 กล่าวไว้อย่างน่าสนใจ มีใจความสรุปได้ว่า “กีฬา” เป็นคำที่คุ้นหูคนไทยมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว หลายต่อ

หลายท่านอาจคิดไปถึงเรื่องการแข่งขันกีฬาในระดับต่างๆ แต่อีกหลายท่านอาจจะมองไปถึงการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ เพื่อความสนุกสนาน และเพื่อความบันเทิง

ไม่ว่าท่านใดจะมองกีฬาไปในลักษณะใดหรือแนวทางใดก็ตาม สิ่งที่สะท้อนให้เห็นในตัวตนของคำว่า “กีฬา” คือ กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะของคน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจเข้มแข็ง อันเกิดจากการใช้กิจกรรมทางกายเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ นำมาสู่การผ่อนคลายความเครียด และความสนุกเพลิดเพลิน หรืออาจเป็นกิจกรรมเพื่อประโยชน์อื่นตามที่จะขยายผลในเชิงวิชาการด้านต่างๆ ทั้งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม

จนมีการกล่าวว่า “กีฬา คือ ยาวิเศษ” แต่คำว่ากีฬาในบริบทปัจจุบันได้พัฒนาออกไปมากกว่าในอดีต จนเกิดคำศัพท์ใหม่ที่เรียกว่า “การกีฬา” และได้รับการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560

“การกีฬา” หมายความว่า การกระทำ หรือ การดำเนินการใดที่เกี่ยวกับกีฬา

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงกล่าวได้ว่า การกีฬากินความ ที่กว้างกว่าคำว่า “กีฬา” ที่เคยใช้กันในอดีตและคงใช้ต่อไปในอนาคต โดยที่การกีฬาในปัจจุบันจัดได้ว่าเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสุขภาวะ ของคนในชาติและเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคุณค่าทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ

สิ่งที่เป็นบริบทใหม่ของการกีฬาของสังคมโลก และประเทศไทย และสามารถนำไปใช้ได้ในทุกวงการ คือ การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความตระหนัก ในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม เพราะจิตวิญญาณของ การกีฬาในเชิงสังคมนั้นก้าวไปไกลเกินกว่าการใช้การกีฬาเพื่อการแข่งขัน หรือการมีปฏิสัมพันธ์ของคน ที่เข้ามาอยู่ร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาเท่านั้น

หากแต่ก้าวไปสู่ทุกองคาพยพของสังคม!!!

เพราะคำว่าการกีฬา มีจิตวิญญาณที่เรียกว่า น้ำใจนักกีฬา อันประกอบไปด้วยคำว่า รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักการให้อภัย รู้จักใช้คำว่าขอโทษ และคำว่าขอบคุณ ยังเป็นเครื่องสมานน้ำใจของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากคนไทยทุกคน ทุกวงการ และทุก สถานภาพ นำจิตวิญญาณของการกีฬาไปเป็นพื้นฐานทางความคิดแล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในสังคมไทย คือความเข้าใจในเรื่องความคิดเชิงบวกของคนที่พึงมี ปฏิสัมพันธ์ต่อกันทั้งในส่วนบุคคล หมู่คณะ และประชาคมในสังคม และจะไม่มีความขัดแย้ง จนนำมาสู่ การใช้วาทกรรมฟาดฟันกัน ไม่มีการประสงค์ที่จะมุ่งร้าย ต่อกัน จะไม่มีการปะทะกันด้วยความรุนแรง หรือเรียกง่ายๆ จะเกิดความตระหนักในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม

ดังนั้น จึงสามารถกล่าวได้ว่า ในวันนี้การกีฬา ของไทยก้าวไกลเกินกว่าคำว่ายาวิเศษไปแล้วครับ ที่นำบทความนี้มาสะท้อนให้ได้รับรู้กัน ก็เพื่อให้ได้ทราบว่า จากเดิมที่กีฬาเล่นกันสนุกๆ ดูกัน เพลินๆ แต่ปัจจุบันการกีฬากลายเป็นพื้นฐานของสังคม เป็นทุกอย่างของสังคม เป็นช่องทางที่สร้างความสุข ให้กับทุกคนไปเรียบร้อย หากทุกคนเรียนรู้ก็จะทำให้ ความเป็นอยู่ของสังคมไทยในวันข้างหน้าดีขึ้น อยู่ที่ว่า จะตระหนักกันมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

ถ้าทุกคนพร้อม กีฬาก็พร้อมจะช่วยสร้างชาติ ไปด้วยกัน

สุขสันต์วันปีใหม่ มีความสุขทุกท่านครับ...

ฟ้าคำราม