พาวเวอร์บอมบ์
ทันทีที่แฟนๆได้อ่านคอลัมน์เรียงหน้าชนฉบับนี้ เท้าของผมคงเหยียบอยู่บนแผ่นดินของกรุงอาชกาบัตประเทศเติร์กเมนิสถาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถือเป็นการทำงานทริปยาวๆ 2 ทริปติดๆกัน หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วผมก็ไปกรำศึกหนักมาในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ผมเดินทางมาที่อาชกาบัตเพื่อรายงานผลการแข่งขัน รวมไปถึงความเคลื่อนไหวต่างๆของทัพนักกีฬาไทยซึ่งมาร่วมชิงชัยในมหกรรมกีฬาในร่มและกีฬาต่อสู้ของชาวทวีปเอเชีย หรือ “เอเชียน-อินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์” ครั้งที่ 5
โดยครั้งนี้เจ้าภาพจัดการแข่งขันทั้งหมด 21 ชนิดกีฬา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยส่งนักกีฬา 250 คน เข้าร่วมชิงชัยเพียงแค่ 16 ชนิดกีฬาเท่านั้น
อันประกอบด้วย กรีฑา, มวย (มวยไทย), โบว์ลิ่ง, หมากรุกสากล, เทนนิส, ยูยิตสู, แซมโบ้, เทควันโด, จักรยาน, บาสเกตบอล (3×3), ยกน้ำหนัก, บิลเลียด, คูราช, ว่ายน้ำ, ลีลาศ และฟุตซอล ส่วนอีกชนิดกีฬาที่ไม่ได้ส่งแข่งขัน คือ มวยปล้ำ 3 ประเภท, ขี่ม้า, คิกบ็อกซิ่ง และอี-สปอร์ต (กีฬาสาธิต)
“เรา” ประเมินความหวังการคว้าเหรียญรางวัลเอาไว้ที่ 18 เหรียญทอง
ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศ กลางวันร้อน กลางคืนหนาว เรื่องอาหารการกินที่ไม่ค่อยจะถูกปาก หรือเอาเข้าจริงๆเรียกว่ากินแทบไม่ได้กันเลยทีเดียว รวมไปถึงเรื่องของความไม่พร้อมของเจ้าภาพ เหล่านี้คือสิ่งที่บรรดานักข่าว และนักกีฬาที่อยู่ที่เติร์กเมนิสถานจะต้องเผชิญแน่ๆ
แต่เราก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้!
รายการนี้เมื่อครั้งที่แล้วในปี 2013 ที่จัดกันที่เมืองอินชอน เกาหลีใต้ ประเทศไทยสามารถคว้ามาได้ทั้งหมด 8 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 11 เหรียญทองแดง รั้งอันดับที่ 4 บนตารางเหรียญรวม และเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากเวียดนามที่ทำได้ 8 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 12 เหรียญทองแดง
ในครั้งนี้ก็อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นว่าประเทศไทยตั้งเป้าเอาไว้ 18 เหรียญทอง ซึ่งถือเป็นการประเมินที่สูง และมากกว่าครั้งที่แล้วถึง 10 เหรียญทอง
จากนี้ไปก็คงต้องคอยเชียร์และติดตามผลกันว่านักกีฬาของเราจะทำผลงานกันได้ดีขนาดไหน
ส่วนตัวผมเองหวังอย่างน้อยต้องทวงบัลลังก์เจ้าอาเซียนกลับคืนมาให้ได้
แค่นี้ก็เป็นที่พอใจแล้ว.
พาวเวอร์บอมบ์