หน้าแรกแกลเลอรี่

ฮีโร่ซีเกมส์ในความทรงจำ 'สืบศักดิ์ ผันสืบ' จอมเสิร์ฟหลังเท้า

ไทยรัฐออนไลน์

28 ส.ค. 2560 07:00 น.

เมื่อพูดถึงกีฬา “เซปักตะกร้อ” คงจะไม่มีคนไทยหน้าไหนปฏิเสธว่าไม่รู้จัก เพราะ “เซปักตะกร้อ” เป็นกีฬาที่คนส่วนใหญ่เล่นกันมายาวนานทั่วทุกท้องที่ของประเทศไทย และมีการพัฒนาเปลี่ยนรูปแบบมาเรื่อยๆ จากลูกหวายก็เปลี่ยนมาเป็นการใช้ลูกพลาสติกแทน ในการแข่งเซปักตะกร้อระดับนานาชาติ เมื่อหลายปีก่อน ทุกครั้งที่นักหวดลูกพลาสติกของไทยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ คู่ชิงก็คือ "ทีมเสือเหลือง" มาเลเซีย ที่กลายมาเป็นคู่ปรับตลอดกาล ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะตลอดมา และจอมเสิร์ฟทีมชาติไทย ผู้มีผลงานมากมายของวงการเซปักตะกร้อไทย หนึ่งในนั้นคือ "สืบศักดิ์ ผันสืบ" หรือฉายา “โจ้ หลังเท้า”...

สืบศักดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2520 ที่จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายสมจิต และ นางขนิษฐา ผันสืบ จากวัยเด็กที่เกือบจะไม่สมประกอบ เนื่องจากในวันแรกที่ลืมตาดูโลก มีดของหมอผ่าตัดพลาดไปโดนหลัง ตอนเป็นเด็กจึงต้องโดนฉีดยาที่ขาทุกวัน ทำให้ขาลีบ จึงอ่อนแอกว่าคนอื่น พัฒนาการช้ามาก จนพ่อพาไปออกกำลังกาย จึงหัดเตะฟุตบอล และเล่นตะกร้อ

ตอนอยู่ ป.6 โรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย “สืบศักดิ์” เริ่มฝึกการเล่นตะกร้อกับ อ.วิศิษฐ์ กออภิญญากุล และความที่เป็นคนรูปร่างสูงยาว และช่วงขายาวเป็นพิเศษ จึงถูกเลือกให้เล่นในตำแหน่งแบ๊ก หรือตัวเสิร์ฟ

และเพียงปีแรกที่เริ่มเล่น ก็พาทีมคว้าแชมป์ในการแข่งขันกีฬาอำเภอได้สำเร็จ จากนั้นสืบศักดิ์พัฒนาฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดได้เข้าร่วมทีมธนาคารกรุงเทพ ได้เป็นตัวแทนของจังหวัด เพื่อส่งตัวไปคัดเยาวชนเขต ด้วยอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น

การเดินสายค้างคืนที่อื่นๆ และการได้ไปเล่นต่างถิ่นในช่วงมัธยมปลาย สืบศักดิ์เดินสายแข่งขันมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นให้ทีมธนาคารกรุงเทพ ที่ได้เข้าไปเป็นสโมสรสังกัด หรือการเล่นในนามตัวแทนจังหวัด ตัวแทนเขต พร้อมกันนั้นได้ตระเวนกันเองกับทีมในงานต่างๆ ตามจังหวัดต่างๆ ที่จัดแข่ง ชนะบ้าง แพ้บ้าง

พออายุได้ 18 ปี สืบศักดิ์รุ่งสุดขีด ถูกเรียกเข้าร่วมทีมชาติไทย เป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2539 ในการแข่งตะกร้อชิงถ้วยพระราทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 เป็นปีแห่งความสมหวังครั้งแรกที่ได้สวมเสื้อติดธงชาติไทย แม้จะได้เป็นเพียงทีมชาติชุดบี แต่ก็ชนะเลิศ พลิกฟอร์มเอาชนะทีมเอ คว้าแชมป์มาครองได้

สืบศักดิ์มาโด่งดังจริงๆ ในการแข่งตะกร้อชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 13 คราวนี้เลื่อนไปเล่นในทีมชุดเอ และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มาได้ทั้งประเภททีมชุดและทีมเดี่ยวพ.ศ.2540 ในซีเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศอินโดนีเซีย

ด้วยการเสิร์ฟ “หลังเท้า” ที่หนักหน่วงและแม่นยำ คู่ปรับอย่างมาเลเซียต้องหวาดผวา ทำให้ทีมไทยคว้าเหรียญทองมาได้ ทั้งทีมชาติชุดและทีมเดี่ยว จากนั้นสืบศักดิ์ทำสถิติเล่นในกีฬาซีเกมส์ 7 สมัย ติดต่อกัน และทำได้ถึง 12 เหรียญทอง เลยทีเดียว

ที่มาดังระเบิดแบบสุดๆ คือการคว้า 2 เหรียญทองในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ด้วยลีลาเสิร์ฟเฉพาะตัว

ตลอดเวลาที่ผ่านมา สืบศักดิ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักตะกร้อที่ได้รับการยอมรับทั้งในและนอกวงการอย่างแท้จริง และเป็นนักกีฬาระดับขวัญใจชาวไทยที่ไม่มีวันลืมเลือนอีกคนหนึ่ง

ปัจจุบัน นอกจากเป็นข้าราชการตำรวจแล้ว ยังเป็นเลขาธิการสมาคมฟุตวอลเลย์ และประธานเทคนิคกีฬาฟุตวอลเลย์ สมาคมฟุตวอลเลย์แห่งประเทศไทย และคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์