ไทยรัฐออนไลน์
“เจ้าหมูอวกาศ” บัญชา สุพรรณโรจน์ ชื่อนี้แฟนกรีฑาประเภทลาน รู้จักกันดี เพราะเขารับใช้ชาติในการแข่งกีฬาซีเกมส์ เป็นเวลายาวนานถึง 18 ปี และเป็นเจ้าของสถิติทุ่มน้ำหนัก 16.25 เมตร ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และสามารถคว้าเหรียญทอง มาทุกยุคทุกทุกสมัย ด้วยเรือนร่างที่โดดเด่นเป็นสง่า เจ้าของสัดส่วนความสูง 175 ซม. น้ำหนักตัว 130 กก. และเป็นคนอารมณ์ดี ทำให้ “บัญชา” เป็นขวัญใจในหมู่นักกีฬาจากทุกชาติ จึงถูกรุมล้อมขอถ่ายรูปอยู่เป็นประจำ...
บัญชา สุพรรณโรจน์ เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2501 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จบชั้นมัธยมศึกษา ที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนเรียนวิชาพยาบาลที่โรงเรียนจ่าพยาบาล กรมแพทย์ทหารเรือ รับราชการที่โรงพยาบาลทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เคยเป็นครูโรงเรียนมัธยม ที่จังหวัดอุบลราชธานี ยามว่างที่ไม่ได้เก็บตัวฝึกซ้อมและสอนนักเรียน จะแอบไปหาลำไพ่พิเศษ ร้องเพลงขับกล่อมอยู่ที่คาเฟ่ใน จ.สุรินทร์ โดยเพลงที่ชื่นชอบจะเป็นสไตล์ของไวพจน์ เพชรสุพรรณ และ สุรพล สมบัติเจริญ
สำหรับประวัติด้านกีฬานั้น เข้าร่วมกีฬาซีเกมส์ ตั้งแต่ครั้งที่ 10 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในพ.ศ.2522 และติดทีมชาติเรื่อยมาทุกครั้ง ได้ครอง “เหรียญทองทุ่มน้ำหนัก” ในซีเกมส์ รวม 5 สมัย พ.ศ.2524, 2526, 2528, 2530 และ 2534 ส่วน พ.ศ.2532 ได้เพียงเหรียญเงิน นอกจากนี้ยังเคยเข้าร่วมกีฬาเอเชียนเกมส์ 3 ครั้ง ที่กรุงเทพฯ, อินเดีย และ เกาหลีใต้
นับตั้งแต่กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่ จ.เชียงใหม่ ที่บัญชาเสียแชมป์ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตซ้อมสมบูรณ์ และด้วยวัยที่มากถึง 37 ปี จึงทำให้บัญชาได้เพียงเหรียญทองแดง
และไม่มีใครได้ข่าวคราวของเขาอีกเลย จวบจนกระทั่งตกเป็นข่าวอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อ พ.ศ.2540 จนเจ้าตัวต้องแก้ข่าวว่ายังไม่ตาย แต่สาเหตุเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตที่ร่างใหญ่รูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเขานั่นเอง
ต่อมาบัญชาได้ปรากฏให้คนทั่วไปได้เห็นอีกครั้ง เมื่อเขาก้าวเข้ามาในฐานะผู้ตัดสินสนุกเกอร์ระดับอินเตอร์ และทำหน้าที่ตัดสินสนุกเกอร์แมตช์อินเตอร์อย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่าง ออย ชินเคย์ อดีตแชมป์เอเชียจากมาเลเซีย พบกับ แจมสราน เอ็นครูร์ จากมองโกเลีย จัดเป็นผู้ตัดสินร่างใหญ่ที่สุดในเอเชีย
บัญชา หรือเจ้าของฉายา “หมูอวกาศ” เสียชีวิตจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2557 ปิดตำนานนักกีฬาลายคราม เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์หลายสมัย ฝากไว้เพียงชื่อและผลงานให้วงการกีฬาและคนไทยได้จดจำตลอดไป
