บี บางปะกง
ฟุตซอลไทยผลัดใบ...ล่าแชมป์อาเซียน !!
หลังเสร็จสิ้นภารกิจลุยศึกฟุตซอลเวิลด์คัพ 2024 รอบสุดท้าย เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
นั่นคือสัญญานเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแข้งโต๊ะเล็กทีมชาติไทย อย่างแท้จริง!
กับการ“ผลัดใบ” ของนักเตะในเจเรชั่นเดิม สู่ แข้งฟุตซอลไทย ในเจเนเรอชั่นใหม่ ที่ต้องขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่แบบเต็มตัว
ซึ่งจะประเดิมทัวร์นาเมนต์แรกในศึกฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน ครั้งที่ 18 หรือ ASEAN Futsal Championship 2024
ที่กำลังจะระเบิดกันขึ้น ระหว่างวันที่ 2-10 พ.ย.นี้ ที่สังเวียนเทอร์มินอลฮอลล์ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา
โดยฟุตซอลอาเซียน ที่เริ่มจัดขึ้นมา ตั้งแต่ปี 2001 ทีมชาติไทยของเราผูกขาดการเป็นแชมป์มาแล้วถึง 16 ครั้ง ( 2001, 2003, 2005, 2006, 2007, 2008, 2009, 2012, 2013, 2014, 2015, 2016, 2017, 2018, 2019 และ 2022)
มีเพียงหนเดียวเท่านั้น ที่แบ่งให้ อินโดนีเซีย ได้ชูถ้วยชนะเลิศ ในปี 2010 ซึ่งครั้งนั้นไทยไม่ได้ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน
โดยวันก่อน“บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลสมาคมลูกหนังไทย ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับผมในรายการ “คนกีฬาถาม หมอสนามตอบ” ทางช่องยูทูป BPChannel 2024
ถึงการเตรียมทีมฟุตซอลชาติไทยชุดทำศึกอาเซียนในครั้งนี้
โดยระบุว่าใช้โมเดลเดียวกับที่เคยสร้างทีมช้างศึกโต๊ะเล็กจากรุ่นสู่รุ่น จนประสบความสำเร็จไปฟุตซอลโลกอย่างต่เนื่องตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ซึ่งเริ่มจากการสร้างทีมชาติชุดบี ในปี 2003 จนขึ้นมาเป็นแกนหลักในฟุตซอลเวิลด์คัพปี 2004 และ 2008
ก่อนที่จะปั้นทีมชาติ ยู20 ในปี 2008 จนได้ 3 เทพในวงการฟุตซอลเมืองไทย คือ “ช้าง” กฤษดา วงศ์แก้ว , “อาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง และ “เนิร์ส” จิรวัฒน์ สอนวิเชียร
ที่กลายเป็นสตาร์ดังตัวหลักพาทีมชาติไทยไปฟุตซอลโลกได้อีกถึง 4 สมัยติดต่อกัน
จนมาถึงยุคปัจจุบันที่เราจำเป็นต้องถ่ายเลือดครั้งใหญ่ให้กับทีมฟุตซอลไทย เพื่อสานต่อความสำเร็จของรุ่นพี่ๆที่เคยทำไว้
ดังนั้นแนวทางการสร้างทีมชาติชุดบี อย่างจริงจัง จึงต้องหวนกลับมาอีกครั้งในศึกอาเซียนครั้งนี้
โดยเราตัดสินใจที่จะซื้ออนาคต ด้วยการใช้ผู้เล่นรุ่นใหม่จากสโมสรต่างๆในฟุตซอลไทยลีก ที่อายุเฉลี่ยไม่เกิน 25 ปี
ขณะเดียวกันก็ยังมีนักเตะจากชุดฟุตซอลโลก ที่อยู่ในเจนฯเดียว กับ “เจ้าเหม็ด” มูฮัมหมัด อุสมาน มูซา เข้ามาช่วยเป็นแกนหลักของทีมด้วย 2 คน
คือ กฤษณ์ อรัญสัญญาลักษณ์ ตัวรุกริมเส้นจาก บลูเวฟ ชลบุรี
กับ “ไอซ์”ณรงค์ศักดิ์ วิงวอน ปราการหลังจอมแกร่งจากห้องเย็นท่าข้าม ที่จะสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ สู้ศึกที่โคราชในคราวนี้
ส่วนขุมกำลังที่เหลือ ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู : เจริญพงศ์ ประสานสัตย์ (ห้องเย็นท่าข้าม) กับ นัทธพงศ์ หยีมะเหรบ (การท่าเรือ เอเอสเอ็ม)
ผู้เล่นแนวรับ : ธนโชติ เสาะแสวง (แบงค็อก บีทีเอส) ผู้เล่นริมเส้นขวา : เทอดศักดิ์ เจริญพงษ์ (ห้องเย็นท่าข้าม) ,อธิปพงศ์ มุ่นพลาย (ห้องเย็นท่าข้าม)
อัมรินทร์ เอกาพันธ์ (ห้องเย็นท่าข้าม)
ผู้เล่นริมเส้นซ้าย : พิชยุตม์ กิตติภาณุวงศ์ (แบล็คเพิร์ล ยูไนเต็ด) , เชาว์วาลา ศรีอาวุธ (แบงค็อก บีทีเอส) , ธีรภัทร เหมือนศรี (ธรรมศาสตร์ สแตลเลี่ยน)
ส่วนผู้เล่นหน้าเป้า : พีรพัฒน์ แก้ววิลัย (บลูเวฟ ชลบุรี) }ธนวัฒน์ เกิดบางระจัน (แบล็คเพิร์ล ยูไนเต็ด) , ปิยะวัฒน์ เพ็ชรน้อย (ฟุตซอลไทยอาร์มี่)
โดยการไลฟ์สดที่ผ่านมา “บิ๊กป๋อม” ได้อธิบายคุณสมบัติของแข้งโต๊ะเล็กไทยทั้ง 14 คน อย่างละเอียดยิบ
ว่าแต่ละรายมีดีอย่างไร ทีมโค้ชที่นำโดย กุนซือ มิเกล โรดริโก ถึงได้เลือกตัวมาติดทีมชาติชุดนี้
ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันของทีมโต๊ะเล็กไทย ในศึกฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2024 ที่เทอร์มินอล 21 นครราชสีมา มีดังนี้
เสาร์ที่ 2 พ.ย. ประเดิมสนามกับ บรูไน / อาทิตย์ที่ 3 พ.ย. พบ ติมอร์ เลสเต / อังคารที่ 5 พ.ย. เจอ มาเลเซีย / พุธที่ 6 พ.ย. ปะทะ เวียดนาม โดยทุกนัดจะเตะในเวลา 18.00 น.
ส่วนรอบตัดเชือกจะเตะในวันศุกร์ที่ 8 พ.ย. และชิงชนะเลิศ ในวันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย.
ถ่ายทอดสดตลอดทัวร์นาเมนต์ ทาง Facebook, Youtube Changsuek Official และ Futsal Thailand
โดยเป้าหมายของทีมชาติไทย ในฐานะเจ้าภาพ ที่เป็นทั้งเบอร์ 1 อาเซียน และเบอร์ 2 ของเอเชีย ดีกรีแชมป์เก่า 16 สมัยผู้ไร้เทียมทาน
ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรักษาแชมป์ไว้ให้ได้อีกครั้ง...สถานเดียว
ไม่ว่าจะเลือกใช้ตัวผู้เล่นชุดใหน...มาบู๊ศึกก็ตาม !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com