หน้าแรกแกลเลอรี่

ขุนพลโต๊ะเล็ก ปลุกเหรียญสู้ศึก บู๊เกม “เวิลด์คัพ”

พัลลภ ศรีไพรวัลย์

12 ก.ย. 2564 05:15 น.

เริ่มนับเวลาถอยหลังสู่เกมโต๊ะเล็ก “เวิลด์คัพ 2021” ที่กำลังจะโม่แข้งอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 12 ก.ย. -3 ต.ค.ที่ประเทศลิทัวเนีย โดยช้างศึกโต๊ะเล็กไทยอยู่กลุ่มซี ร่วมกับโปรตุเกส, โมร็อกโก และหมู่เกาะ โซโลมอน และจะประเดิมนัดแรกกับโปรตุเกส วันจันทร์ที่ 13 ก.ย.เวลา 23.55 น.

ถือเป็นนัดสำคัญอีกครั้งของทีมโต๊ะเล็กไทยในเกมระดับโลก พูดถึงผลงานโดยรวมของทีมฟุตซอลชาติไทยแล้วถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว เราเข้ารอบสุดท้ายติดต่อกัน 6 ครั้ง แต่ภารกิจครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดเพราะครั้งล่าสุดไทยผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ดังนั้น เป้าหมายที่วางไว้ต้องดีกว่าเดิมหรือเท่าเดิม

โต๊ะเล็กทีมชาติไทยชุดนี้ถือว่าเป็นชุดที่สะสมบ่มเพาะมานาน น่าจะเป็นบทส่งท้ายของหลายคนที่เป็นตำนานบทหนึ่งของฟุตซอลไทยอย่าง “เจ้าอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง “เจ้าช้าง” กฤษดา วงษ์แก้ว “เจ้าเนิร์ส” จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ในวัย 33 ปี ที่สร้างชื่อมาตั้งแต่ฟุตซอลโลก 2012

ทั้งสามคนเล่นด้วยกันทั้งทีมชาติและสโมสรมากว่า 10 ปี เรียกว่า “หลับตาก็ส่งบอลให้กันได้”

การเข้ารอบ 16 ทีมครั้งแรกปี 2012 และ 2016 ถือว่าสุดๆ แต่นั้นก็หมายถึงว่าทุกคนย่อมต้องฝันจะไปให้ไกลสุดกว่าที่เคยทำได้ และนักเตะตัวหลักทั้ง 3 คนเคยชนะมาแล้วทั้งอิหร่าน ญี่ปุ่น อุซเบกิสถาน

แถมครั้งนี้วงการฟุตซอลไทยก่อกำเนิดดาวรุ่งอัจฉริยะอย่าง “เจ้าเหม็ด” โมฮัมหมัด อุสมานมูซา กองหน้าลูกครึ่งไทย-กานา วัย 23 ปี ขึ้นมา พร้อมด้วย “รณชัย จูงวงศ์สุข” กองหลังร่างโย่งน้องใหม่ที่ช่วยมาสร้างเสริมสมดุลความคล่องตัวความสดเข้ามาทดแทนรุ่นพี่ที่ได้เก๋า

โดยส่วนผสมที่ต้องจับตามองคือตัวยุคกลางอย่าง “อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ” ปีกตัวจี๊ดที่บาดเจ็บไปนาน และซ้ายพิฆาต “นาวิน รัตนวงษ์สวัสดิ์” ที่กำลังสร้างความมั่นใจทีมไทยก็หวังว่าขุนพลเหล่านี้จะสามารถเค้นฟอร์มสูงสุดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ต้องการได้

ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องของทีมเวิร์กและประสบการณ์ของแต่ละคนที่จะช่วยกันนำพาไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากฝีมือของนักเตะแต่ละคนแล้วอีกสิ่งที่ถือว่ามองข้ามไม่ได้และที่ผ่านมาเรามักจะพบเห็นอยู่บ่อยๆในวงการกีฬาไทยรวมถึง
การออกรบในสมัยอดีตกาลคือ “เครื่องยึดเหนี่ยวรวมใจในการต่อสู้”

เช่นเดียวกับ “ฟุตซอลเวิลด์คัพ 2021” รอบนี้ ขุนพลโต๊ะเล็กไทยได้แม่ทัพใหญ่ที่ชื่อ “สุทิน บัวตูม” เป็นผู้จัดการทีม “บิ๊กสุ” เวลาไปไหนมาไหน มักจะห้อยคอแขวนพระเครื่องอย่างน้อยๆก็มี 19 องค์ แต่ถ้างานไหนมีรายการที่จะต้องเน้นเป็นพิเศษ ก็จะต้องมีหลักร้อย และงวดนี้ได้ประกาศไว้ว่า งานใหญ่อย่าง “เวิลด์คัพจะต้อง 99 องค์”

ผู้จัดการทีม สุทิน บัวตูม เป็นศิษย์ “อาจารย์มั่น” ซึ่งเป็นศิษย์ “หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน” จ.พิจิตร ซึ่งเป็นบ้านเกิด และนับถือ “หลวงปู่ทิม” วัดละหานไร่เป็นพิเศษ แต่ก็มีพระเครื่องชุดระดับโลก “เบญจภาคี” ที่นับถือไม่แพ้กันพกติดตัวไม่ให้ห่างอยู่ด้วย โดย “สุทิน บัวตูม” เล่าให้ฟังว่าเวลาผมพกก็ไม่บอกใคร แต่ก็มีคาถาป้องกันไว้เหมือนกัน คนคิดไม่ดีคิดร้ายกับเราจะมีอันเป็นไป ซึ่งเรื่องนี้เคยมีแล้ว มีอันเป็นไปหมด “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”

เมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ผจก.ทีม สุทิน บัวตูม จัดทำเหรียญพิเศษ ชื่อ “เหรียญพิชิตชัยช้างศึกสู้ฟุตซอลโลก” ร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ จำนวน 1,999 เหรียญปลุกเสกพิธี เทวาภิเษก วัดบางคลาน จ.พิจิตร ก่อนทำพิธีเพิ่มเติมที่ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ เป็นกรณีพิเศษ โดยมอบให้นักเตะ โค้ช ทีมชาติไทย รวมถึงผู้เดินทางไปกับทีมเพื่อสร้างบารมีร่วมกันคนละ 1 เหรียญ และผู้ที่สนับสนุนที่จะร่วมกันส่งเสริมบารมีทุกรายที่ร่วมสนับสนุน

“เรื่องของความเชื่อ ใครเชื่อไม่เชื่อเราไม่ว่ากัน แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง และเรามีความตั้งใจที่สร้างความสุขให้คนไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีความสุขในการเชียร์ทีมชาติไทย”

หากมองย้อนหลังไปในปี 2016 โคลอมเบีย ทีมชาติไทยก็เคยยกพลกันไปรับของดีท่านเจ้าคุณธงชัย (ในขณะนั้น) รับผ้ายันต์คนละผืนพร้อมเคาะกะหม่อมพรมน้ำมนต์คนละโป๊กสองโป๊ก ผลก็คือเข้ารอบ 16 ทีม มีประวัติศาสตร์เล็กๆชิ้นใหม่คือ ไม่แพ้ในเวลาในรอบ 16 ทีม ต่อยอดจากเข้ารอบ 16 ทีม ครั้งแรกในปี 2012

ในสนามขุนพลโต๊ะเล็กไทยพร้อมรบ ส่วนนอกสนามขวัญกำลังใจเต็มที่ รวมสองสิ่งนี้ถูกที่ถูกเวลา ฟุตซอลไทยก็มีโอกาสกระหึ่มก้องโลกได้

สำหรับในปี 2021 ครั้งนี้ จะไปได้ดีกว่าเดิมหรือไม่ก็ต้องติดตามกัน.

พัลลภ ศรีไพรวัลย์ เรื่อง
ชาติชาย จันทรวัติ ภาพ