หน้าแรกแกลเลอรี่

ชาวเน็ต “กัมพูชา” บุกเพจ “สภามวยไทยโลก” เคลม “นายขนมต้ม” เป็นคนเขมร ไม่ใช่คนไทย

ไทยรัฐออนไลน์

28 ม.ค. 2566 11:35 น.

ชาวเน็ต “กัมพูชา” บุกเพจ “สภามวยไทยโลก” ร้องหาธงชาติบ้านเกิด พร้อมเคลม “นายขนมต้ม” ยอดมวยไทยในตำนาน ว่าเป็นคนเขมร ไม่ใช่คนไทย

วันที่ 28 ม.ค. 66 หลังจาก กัมพูชา เจ้าภาพซีเกมส์ 2023 ใช้สิทธิ์การเป็นเจ้าภาพ นำศิลปะการต่อสู้ "กุน ขแมร์" มาใส่ไว้ในซีเกมส์ 2023 แทนที่กีฬา "มวยไทย" ด้วยเหตุผลอ้างว่าการแข่งขัน "กุน ขแมร์" เป็นต้นกำเนิดของ "มวยไทย" และเพื่อแสดงจุดยืนว่าตนเป็นเจ้าของวัฒนธรรมของศิลปะการป้องกันตัวดังกล่าว ตามความปรารถนาของชาวกัมพูชา

ด้านเพจ WBC MuayThai หรือว่าเพจของสภามวยไทยโลก ได้มีการโพสต์ภาพเข็มขัดอย่างเป็นทางการของสภามวยไทยโลก พร้อมกับแคปชั่นว่า “ขอแสดงความเคารพนายขนมต้ม” ตำนานมวยไทยที่สยบนักมวยเจ้าถิ่น 9-10 ได้ในยกเดียว จนชนะใจพระเจ้ามังระแห่งพม่า หลังจากนั้น ชาวเน็ตกัมพูชา ก็ได้บุกไปแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าว พร้อมเคลมว่า “นายขนมต้มคือคนเขมรไม่ใช่คนไทย” พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าบนเข็มขัดนี้ไม่มีธงชาติกัมพูชา และนี่คือความคิดเห็นของชาวเน็ตกัมพูชาบางส่วน

- ทำไมถึงไม่มีธงชาติกัมพูชา คุณรู้จักประวัตินายขนมต้มหรือไม่ นายขนมต้มเป็นคนเขมร ไม่ใช่คนไทย
- ไม่ต้องห่วงนะทุกคน พวกเขาไม่กล้าใส่ธงของเราในเข็มขัดนี่ สิ่งสําคัญคือ เราพยายามพัฒนาตัวเอง บอกตามตรง เข็มขัดนี้ก๊อบมาจากอเมริกา อย่าหงุดหงิดนะทุกคน มันไร้ค่า ก่อนที่คนไทยจะเข้ามาตอบว่า กลับไปเรียนใหม่นะ วัดที่ภูมิใจนักหนา (นครวัด) เป็นของอินเดียไม่ใช่เขมร
- ที่ไม่มีธงชาติกัมพูชาเพราะคุณดูถูกเรา คุณกลัวมันจะกลับคืนสู่เจ้าของเดิม เพราะพวกคุณคือคนที่ชอบขโมยวัฒนธรรม
- ไม่มีธงชาวกัมพูชา เพราะเรา (กัมพูชา) และไม่ได้ต่ำกว่าไทย (มวยไทย) เรามีศิลปะการต่อสู้ของเราเองคือ กุน ขแมร์
- กุน ขแมร์ คือต้นตำหรับ ไม่ใช่ มวยไทย
- ชาวกัมพูชาอย่ามาคอมเมนต์ในนี้นะว่าทําไมไม่มีธงชาติกัมพูชา เพราะพวกโจรสยามไม่เคยจําเจ้าของเดิม และอิจฉาเรามาตลอด

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่เข็มขัดดังกล่าวไม่มีธงชาติกัมพูชา นั่นก็เป็นเพราะว่า กัมพูชา ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกของ WBC Muay Thai หรือ สภามวยไทยโลก ที่มีสมาชิกกว่า 147 ประเทศทั่วโลก

สำหรับ นายขนมต้ม "นักมวยไทยมีฝีมือดียิ่งนัก" ยอดนักมวยในตำนานที่คนไทยและคนทั่วโลกไม่ลืม มีชื่อเสียงในเชิงมวยเป็นที่เลื่องลือ ปรากฏอยู่ในพงศาวดารทั้งของไทย และของพม่า จากเหตุการณ์ที่ชกชนะนักมวยพม่า 9-10 ในยกเดียว ต่อหน้าพระที่นั่งพระเจ้ามังระ ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2317 จนพระเจ้ามังระตบพระอุระ และตรัสสรรเสริญนายขนมต้มว่า “คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้”  

หลังชนะนักมวยพม่า พระเจ้ามังระได้ปูนบำเหน็จแก่นายขนมต้ม แต่งตั้งเป็นข้ารับใช้ในกรุงอังวะ แต่เขาปฏิเสธ และขอให้พระเจ้ามังระปลดปล่อยตนและเชลยคนไทยทั้งหมดให้เป็นอิสระเพื่อกลับบ้านเกิด พระเจ้ามังระยอมทำตามความประสงค์ ในที่สุดนายขนมต้มและเหล่าเชลยไทยได้อิสรภาพและกลับแผ่นดินไทยที่ขณะนั้นมีกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ในสมัยของพระเจ้ากรุงธนบุรี มีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช.

ขอบคุณภาพจาก : Iron Monkey Photography