บี บางปะกง
ก่อนหน้าที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) จะออกมาโวยว่า ประเทศร่ำรวยที่จัดให้มีการฉีควัคซีนบูสเตอร์ ทั้งๆที่ผู้คนอีกนับร้อยล้านทั่วโลกยังมิได้สัมผัสวัคซีนเข็มแรก รวมทั้งประเทศไทยด้วยนั้น
รัฐบาล “ลุงแซม” สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีน โควิต-19 บูสเตอร์ หรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้คนอเมริกันทุกคนเพิ่ม สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
โดยจะดีเดย์ในวันที่ 20 กันยายนนี้ ในขณะที่ยังมีคนอเมริกันอีกไม่น้อยที่ไม่ยอมรับการฉีควัคซีนที่ว่ามาแต่แรก
ส่วนจะเป็นโดยวัฒนธรรมความเชื่อส่วนบุคคล หรือกระแสความเชื่อศรัทธราที่ยังมีต่อ ‘อักลีอเมริกัน ทรัมป์’ ซึ่งฝังรากลึกกับอเมริกันชน นั่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลของ ไบเดน ยังแก้ไม่ได้
ในขณะที่เรายังมีปัญหาวุ่นวายทั้งเรื่องวัคซีนที่ผู้รับผิดชอบมีปัญญา แต่หาของดีให้ประชาชนไม่ได้ ซ้ำการให้บริการจากภาครัฐยังคงท่วงทำนองเล่นพรรครักพวก
และที่สำคัญ จะวัคซีนหรืออะไรที่เกี่ยวข้องด้วย
จะต้อง จีน จีน จีน อย่าง ซีโนแวค วัคซีน ที่กำลังจะสั่งเพิ่มอีก 12 ล้านโดส ทั้งๆที่คนไทยด้อยค่าจนเมินหน้าหนี
การสั่งซื้อชุดตรวจ ATK จาก จีน จีน จีน โดยไม่ให้ราคาค่าดิสเบรกของชมรมแพทย์ชนบท ที่คัดค้านเรื่องคุณภาพกับมองข้ามคุณสมบัติและความมั่นคงน่าเชื่อถือของตัวแทนผู้ขายนั้น
“มวยอาชีพไทย” นับเป็นหนึ่งในวงการที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้วงการอื่นใดมาแต่แรกเช่นกัน
การเยียวยาสงเคราะห์บุคคลในวงการมวย อันเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบากของ ไวรัส โควิต-19 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เมื่อเดือนกันยาปีที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความทุลักทุเล
นักมวย หัวหน้าคณะ และเทรนเนอร์อีกไม่น้อยที่ตกสำรวจขาดรับการสงเคราะห์ เพราะการกีฬาฯ เร่ง “ปิดจ๊อบ” ด้วยเหตุผลสิ้นเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนสิ้นปีงบประมาณ
จากวันนั้นจนวันนี้ ไม่มีวี่แววที่นักมวยไทยอาชีพนับหมื่นคนทั่วประเทศจะมีใครยื่นมือเข้ามาสงเคราะห์เยียวยาอีก
สำนักงานมวยฯ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
แม้วันนี้จะยกระดับขับเคลื่อนให้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย จากระดับ 8 เป็นระดับ 9 แล้วก็ตามที
ยังไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ออกมาช่วยเหลือนักมวย เทรนเนอร์และหัวหน้าคณะทั่วประเทศ
โดยเฉพาะกับภาระหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุน ให้มวยไทยกลับมาทำการชกแข่งขันได้
ระบบเปิดอ่อนไหวมีปัญหา
ระบบปิดก็ไม่น่าจะเอากันถึงตาย
คณะอนุกรรมการฝ่ายแพทย์ และคณะอนุกรรมการจัดมวย ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิมากมายหลายหน้า ล้วนเคยมีผลงานชงเงื่อนไขและแนวทางต่างๆให้ ศบค.จนมวยสามารถกลับมาชกแข่งขันได้
แต่ถูกด้อยค่าเพราะผู้มีอำนาจในสำนักงานมวย ไม่ให้ราคาความสำคัญ ตีกันไม่มีการประชุมมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา
ตัวเปิดเกมส์ชงเรื่องให้ ศบค.พิจารณาเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตให้มวยกลับมาทำการชกแข่งขันได้ จึงตกอยู่ในสภาวะสูญญากาศ
โอกาสที่มวยจะกลับมาชกแข่งขันได้แม้แต่ระบบปิดจึงดับสนิทเพราะเหตุนี้
นักมวยค่าตัวเรือนแสนหลายคนต้องดิ้นรน “รับจ๊อบ” บินไปชกแข่งขันที่สิงคโปร์ แม้จะต้องเผชิญกับมาตรการกักตัวทั้งไปและกลับ ก็ต้องยอมและรับได้นั้น
วันก่อนปะหน้า “สมชาย มิตซู” หรือ ธนัช นันทชลากรกิจ ที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการ ศึกษา พรบ.มวย ท่านปรับทุกข์ให้ฟังถึงมวยรอบ อีซูซุ
ซึ่งนับเป็นมวยรอบที่คอมวยทั่วทั้งประเทศ ต่างให้การยอมรับกับรู้กันดีทั่วไปว่า
มวยรอบ อีซูซุ เป็นมวยรอบที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่มานานหลายสิบปี ของเวทีมวยสยาม อ้อมน้อย ซึ่งมี “โกฮัง แห่งบ้านริมคลอง” เถลิง อยู่บำรุง เป็นเจ้าภาพ
เงินรางวัลของแชมป์มวยรอบนี้มีเงินสดสูงถึง 1,000,000 บาท กับเข็มขัดแชมป์และรถกระบะอีซูซุอีก 1 คัน
รองแชมป์รับกันที่ 500,000 บาท ส่วนที่ 3 กับที่ 4 ว่ากันที่ 300,000 และ 200,000 บาท
เรื่องของเรื่องคือรอกันมานานกว่า 7 -8 เดือนแล้วยังชกแช่งขันชิงแชมเปี้ยนกันไม่ได้
อะไรกันหนักหนา!!
ที่บ้านใหญ่เมืองทับหลัง จังหวัดบุรีรัมย์ พยายามจะช่วยและส่งเสริมนักมวยให้มีรายได้
เตรียมงานมวยติดต่อกันนานถึง 3 เดือนๆละ 4 สัปดาห์ๆ ละ 4 นัด
ถ่ายสดทาง ทีวี ทุกวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
โดยมีศึกเพชรยินดีของ “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ และศึกเกียรติเพชรของ “ยอดคุณพ่อ” แป๊ะชุ้น พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ เป็นตัวชูโรง
แค่เปิดโผแฟนมวยทั่วประเทศก็น้ำลายหกไปตาม ๆ กัน
แต่ก็เกิดเหตุการณ์แห้วรับประทาน เพราะเลื่อนกันจนนักมวยต้องเลิกซ้อม หันไปขายหวย ขายหมูยอ ก็มีให้เห็นนั้น
การบ้านของ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ และท่านผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ถ้ามีให้กับวงการมวย
คงไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนชื่อ “มวยไทย” เป็น “มวยจีน” เพื่อเอาใจ ศบค. เหมือนหยั่งวัคซีน
แล้ว “มวยไทย” ถึงกลับมาชกได้กระมังครับ !!!
- บี บางปะกง -